- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 16:33
- Hits: 1647
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ตลาดหุ้นไทยวานนี้พักฐาน ปิด -7.40 จุดที่ 1564.08 จุด นักลงทุนขายทำกำไร
หลังดัชนีและราคาหุ้น Big Cap ปรับขึ้นแรง และรอฟังการแถลงนโยบายของทรัมป์ ปธน.คนใหม่สหรัฐ (รับตำแหน่งเป็นทางการ 20
ม.ค.60) สถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 2.2 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 1.6 พันล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญช่วงนี้ ได้แก่
• จับตามาตรการทรัมป์หลังขึ้นเป็นปธน.เป็นทางการ 20 ม.ค.นี้ โดยจะใช้นโยบายการคลังมากขึ้น (เช่น ลดภาษีกำไรธุรกิจ, เพิ่มงบ
ลงทุน, แก้กฎระเบียบภาคการเงิน & สาธารณสุขที่เข้มงวด ฯลฯ) ทั้งนี้ถ้าลดภาษีกำไรจาก 35% เป็น 25% กำไรสุทธิจะเพิ่ม 15%
- ราคาน้ำมันดิบร่วง 3.8%...สหรัฐมีแนวโน้มผลิตเพิ่ม ซึ่งกระทบความพยายามที่จะลดการผลิตของกลุ่มโอเปก & นอกโอเปก...หุ้น
พลังงานน่าจะพักฐานช่วงสั้น
• ตลาดขึ้นมามากอาจพักฐาน หลบไปหุ้น Defensive เช่น โรงพยาบาลเล็กที่เติบโตดีก่อน เช่น CHG, LPH, VIH เป็นต้น
+ การจัดพอร์ตลงทุน แนะนำแบ่งเป็น 3 หมวด คือ 1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง-เพื่อรับ Return ที่สม่ำเสมอ (หุ้นเด่น , 2) กลุ่มหุ้นมั่นคง
เพื่อให้พอร์ตมีสินทรัพย์คุณภาพดีและมีเสถียรภาพ และ 3) หุ้นเติบโต เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับ Capital Gain และควรทำ
Rebalancing เป็นระยะ (ราคาหุ้นเกินพื้นฐานก็ขาย ราคาลงต่ำกว่าพื้นฐานมากก็ซื้อ) หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น CHG
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวกที่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1570-
1580, 1590 การหลุดแนวฟิวเตอร์ 1550 ดูไม่ดี และควรลดพอร์ตตาม
สำหรับหุ้น SCAN ทางเทคนิคที่เข้ามาใหม่เป็น LHBANK, PREB, PACE, IRPC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ GLOBAL, AP, ITEL,
THANI, ORI, TVO, RJH, SENA, PSL, GFPT หุ้นแนะนำที่หาจังหวะ Take Profit เป็น AJ ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น SF, STP
ปัจจัยต่างประเทศ
•/- ภาพใหญ่ : มาตรการทรัมป์หนุนการแข็งค่าของเงิน US$...เป็นลบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ในปี 60
# นายทรัมป์จะขึ้นดำรงตำแหน่งปธน.สหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางการวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยจะมีการแถลง
มาตรการในสัปดาห์หน้า ซึ่งตามที่ได้หาเสียงไว้ก็จะเน้นเรื่อง American First จำกัดการนำเข้าสินค้า
ภายนอก ยกเลิกเปิดการค้าเสรีกับหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนที่นำสินค้าราคาถูกเข้ามาตีตลาดมากในช่วง
ที่ผ่านมา เข้มงวดเรื่องการอพยพเข้ามาอยู่ในสหรัฐของคนต่างด้าว และใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้น
เศรษฐกิจมากขึ้น เช่น ลดภาษีกำไรธุรกิจ, เพิ่มงบลงทุน, แก้กฎระเบียบภาคการเงิน & สาธารณสุขที่
เข้มงวด ฯลฯ ทั้งนี้ถ้าลดอัตราภาษีรายได้นิติบุคคลจาก 35% เป็น 25% กำไรสุทธิของธุรกิจจะเพิ่มทันที
15% ยังผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐปี 60 มีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง เพราะมี
ผลประโยชน์เรื่องลดภาษีเข้ามาช่วยหนุนด้วย
# มาตรการของนายทรัมป์กระตุ้นเงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้น และทำให้เฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง
มากขึ้นในปี 60 หลังจากที่ปรับขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้งในช่วงปี 58-59 ทั้งนี้เฟดให้ Guidance ไว้ว่าจะปรับขึ้น
ดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความแตกต่างของการใช้
นโยบายการเงินของสหรัฐกับประเทศอื่น โดยสหรัฐเริ่มใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นขณะที่ยูโรโซน & ญี่ปุ่น
ยังเดินหน้า QE และใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย หนุนการแข็งค่าของเงิน US$ และจูงใจให้มีเงินทุนไหล
ออกจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (รวมไทย) กลับเข้าสู่ตลาดเงินและตลาดทุนสหรัฐ
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลง...หุ้นกลุ่มพลังงานกดดัน
หุ้นกลุ่มสุขภาพฟื้นตัว หนุนดัชนี Nasdaq แต่การลดลงของราคาน้ำมันดิบ กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและดัชนี DJIA
และ S&P500 ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 19,887.38 จุด ลดลง 76.42 จุด หรือ -0.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่
2,268.90 จุด ลดลง 8.08 จุด หรือ -0.35% แต่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,531.82 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด หรือ
+0.19%
Thailand Daily Trading Focus: 10 January 2017
- ราคาน้ำมันดิบ : ดิ่ง 3.8%...สหรัฐมีแนวโน้มผลิตน้ำมันเพิ่ม กระทบแผนลดการผลิตของประเทศอื่นๆ
# นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ จะมีจำนวน
เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 850-875 แท่นในปลายปีนี้ ขณะที่การสำรวจและการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 27% หลังราคา
น้ำมันดีดตัวขึ้นจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลง
ปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้
# ด้านบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมัน
ที่มีการใช้งานในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 529 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็น
สัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน ทั้งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนสูงสุด 4,530 แท่นในปี 1981 และแตะ
ระดับต่ำสุดเมื่อเดือนพ.ค.ในปีที่แล้ว ที่ระดับ 404 แท่น
# เมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 51.96 ดอลลาร์/
บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 54.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้นราว 1%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 11.5 ดอลลาร์ หรือ 0.98%
ปิดที่ระดับ 1,184.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นผลจากการปรับฐานของตลาดหุ้น และค่าเงิน US$ อ่อนลงในระยะสั้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
- กลุ่มไฟแนนซ์ประเภทสัญญาเงินกู้ : มีแนวโน้มถูกจำกัดอัตราดอกเบี้ย
เนื่องจาก...ทางสนช.ได้มีการอนุมัติพ.ร.บ.การจำกัดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสัญญาเงินกู้ ซึ่งยังไม่ได้ประกาศตัวเลข
ชัดเจน แต่เชื่อว่าจะต่ำกว่าที่เรียกเก็บในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ (ปัจจุบันเรียกเก็บดอกเบี้ยตามสัญญาเงินกู้ที่
อัตราประมาณ 26-30%) โดยขณะนี้พ.ร.บ.รอลงพระปรมาภิไธย เพื่อประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป คาด
ว่ากฎหมายใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทไฟแนนซ์ที่อยู่ในข่ายดังกล่าว ซึ่งส่วน
ใหญ่เป็นพวกสินเชื่อจำนำ
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ใหม่นี้ไม่กระทบกับธุรกิจเช่าซื้อ และธุรกิจปล่อยสินเชื่อที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธปท.
จึงไม่กระทบกับแบงค์ทั้งหมด และไม่กระทบธุรกิจเช่าซื้อ
สำหรับหุ้นที่อาจได้รับผลลบต่อ Sentiment การลงทุน คือ MTLS และ SAWAD (เมื่อวาน (9 ม.ค.) ช่วงบ่ายเราได้
Call ให้ปิด Position หุ้น SAWAD ซึ่งเป็น Dark Horse เดือนม.ค.60 ไปก่อนหลังจากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับ
พ.ร.บ.นี้)
- น้ำท่วมรุนแรงภาคใต้ : กระทบหลายบริษัทและธุรกิจเกี่ยวกับท่องเที่ยวในช่วงสั้น
เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้รุนแรง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของหลายบริษัท รวมถึงกระทบต่อการขนส่ง
สินค้าด้วย ซึ่งบริษัทที่มีธุรกิจอยู่ในภาคใต้ ได้แก่ BSBM, SSI, VNG, PTG, LST, UPOIC, TRUBB, STA เป็นต้น
นอกจากนั้นยังกระทบต่อการท่องเที่ยว (โรงแรม รีสอร์ท สปา และการบิน) ในภาคใต้ของไทยด้วย (ซึ่งเป็นจังหวะ
ไม่ดี เพราะเกิดน้ำท่วมหนักในช่วง High season ของการท่องเที่ยว)
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]