- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 16:19
- Hits: 1379
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (10/01/60)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้'ขายบ้าง'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเริ่มมีแรงขายออกมามากขึ้นโดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวลดลงไปกว่า 10 จุด ซึ่งคาดว่าเกิดจากการขายทำกำไรหลังจากสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับตัวเพิ่มไปกว่า 30 จุด โดยกลุ่มที่มีแรงขายออกมาค่อนข้างมากได้แก่กลุ่มค้าปลีก (-1.5%) คาดว่าเกิดจากความกังวลต่อเหตุภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานที่ลดลงไป 0.9% ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นได้แก่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (+0.7%) หลังจากมีกระแสข่าวว่ารัฐฯอาจจะมีการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯอีกครั้ง ปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 7.40 จุด (-0.5%) มาอยู่ที่ 1,564.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53,356 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(-) ราคาน้ำมันดิบวานนี้ ได้รับแรงกดดันจากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐในสัปดาห์ก่อนที่เพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 529 แท่น (โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน) ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.8%Day มาอยู่ที่ 51.96 US/Barrel และกดดันให้ DJIA -0.38%Day
(-) นายกรัฐมนตรีอังกฤษยืนยันที่จะ BREXIT กดดันเงินปอนด์เทียบUS อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 2 เดือน แต่ดัชนี FTSE 100 +0.38%Day มาปิดที่ 7,237
(+) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับเป้าคาดส่งออกปี 60 โต 1-3%YoY จากเดิมคาดโต 0-2% และคาด GDP ปี 60 ที่ 3.5-4%
(+) สินค้า Comodity อย่างทองคำ, เงิน, พลาตินัม มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1%Day จากผลบวกของค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น
(+) ราคายาง TOCOM วันนี้ บวก 1.15%Day มาอยู่ที่ 272.60 Yen/Kg (บวกต่อ STA, TRUBB)
(+) ที่ประชุมครม. วันนี้ คาดจะมีการพิจารณางบซ่อมแซมถนนที่เสียหายจากปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ และให้เงินกู้ช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม (บวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้าง TASCO, HMPRO, SCC, CCP)
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน HRC ยังทรงตัวในระดับสูง 625 US/Tons (+56%YoY) มองบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็กทั้ง PAP, PERM, AMC
(+) ตัวเลขสินเชื่อรายย่อยของสหรัฐ เดือน พ.ย. 59 เพิ่มขึ้น 24.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 18.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ
(+/-) ประธาน FED สาขาชิคาโก คาดการณ์ว่า FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปี 60 ซึ่งมากกว่าที่เขาคาดไว้เดิม แต่ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ อีกทั้งประธาน FED สาขาบอสตัน ยังเรียกร้องให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขึ้นสู่ระดับ 2% ตามเป้าหมาย
(+/-) อัตราการว่างงานของยูโรโซน เดือน พ.ย. อยู่ที่ 9.8% (ตามที่ตลาดคาด)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
Trump จะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ก่อนการเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปธน. สหรัฐ ฯ ในวันที่ 20 ม.ค. 60
ประชุม ECB 11-12 ม.ค. 60
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อจีน เดือน ธ.ค. (10 ม.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นญี่ปุ่น (10 ม.ค.), GDP ปี 59 ของเยอรมนี (12 ม.ค.), ยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. ของสหรัฐ (13 ม.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน ม.ค. (13 ม.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน 'เน้นสั้น เลือกรายตัว'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง แม้ว่าเรายังคงมองบวกต่อเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อต่อเนื่อง 6 วันทำการ 1.6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะคงมีแนวโน้มไหลเข้า แต่ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง จะสร้างแรงขายล็อคกำไรในกลุ่มพลังงานกดดันดัชนี แนะนำเก็งกำไรกลุ่มสายการบินที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง และคาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่จะคึกคัก ตามการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน ในเทศกาลตรุษจีน และกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงค์จากการซ่อมแซมบ้านหลังเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
AAV เก็งกำไร
เข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาส 1 จากช่วงเทศกาลตรุษจีน
Hedge ราคาน้ำมันไปราว 70% ลดความเสี่ยงจากตลาดน้ำมันขาขึ้น
CGS ประเมินกำไรปี 59-60 ขยายตัว 100% และ 14%
AMATA เก็งกำไร
คาดนิคม Amata City Long Thanh สามารถขายในช่วงกลางปี 60
CGS ประเมินกำไรปี 59-60 ที่ 748 และ 859 ล้านบาทตามลำดับ
ราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 15.30 อิง (PBV 1.2X)
ทีมวิเคราะห์