- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 16:09
- Hits: 1402
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM
Technical highlights
SET lndex : แนวต้านสำคัญ 1580-1585
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1564.08 จุด ลดลง 7.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,355 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1570 จุดลงไปหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้แนวต้านสำคัญของโครงสร้างระยะยาวที่ 1580-1585 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550-1552 จุด
Daily: ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้นหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1550 จุดขึ้นไปได้ และปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้แนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 1580-1585 จุด ซึ่งเรายังคงแนะนำให้ระวังความเสี่ยงจากการขายทำกำไร โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง
กลยุทธ์ :SET Index ในระยะสั้นเกิดสัญญาณขายทางเทคนิค ทำให้มีโอกาสปรบตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1550-1555 จุด ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวมีแนวต้านสำคัญที่ 1580-1585 จุด แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 1550 จุดลงไป ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายต่อเนื่อง
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
CPALL แนวรับสำคัญ 61.00 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 57.00 แนวต้าน 64.00 และ 65.50 62.00 / 61.00** 63.00 / 64.00
BANPU แนวโน้มขึ้นทดสอบ 20.50-20.80 แนวรับสำคัญ 19.50 19.50** / 19.00 20.20 / 20.50
IRPC ระยะสั้นขายที่แนวต้าน 5.30 แนวรับ 5.10 5.15 / 5.15 5.25 / 5.30
KBANK ขายที่แนวต้าน 185-187 แนวรับสำคัญ 176 182 / 180 186 / 187
IVL สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 38.00 และ 39.00 แนวรับสำคัญ 35.00 36.50 / 36.00 38.00 / 39.00
PTT ขายที่แนวต้าน 388-390 แนวรับ 380 และ 370 380 / 375 386 / 388
DTAC ขายที่แนวต้าน 42.00 แนวรับ 38.00 และ 37.00 40.00 / 39.00 41.50 / 42.00
PTL ขายที่แนวต้าน 17.00 แนวรับ 16.00 และ 15.60 16.00 / 15.60 17.00 / 17.40
SCB แนวต้านสำคัญ 158 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 170 155 / 154 158 / 160
TASCO ขายที่แนวต้าน 21.50 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 22.50 แนวรับ 20.70 21.00 / 20.70 21.50 / 22.00
Focus Development & Construction (FOCUS TB; THB 2.20) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.40 และ 2.50 / แนวต้านสำคัญ 2.80
แนวรับ : 2.20 และ 2.14
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60 แนะนำซื้อ FOCUS โดยมีแนวรับที่ 2.20 และ 2.14 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.40 และ 2.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.06 ลงไป
JWD Infologistics (JWD TB; THB 8.50) -ซื้อ
แนวต้าน : 9.00 และ 9.40 / แนวต้านสำคัญ 9.70
แนวรับ : 8.50 และ 8.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงในระยะยาวขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60 แนะนำซื้อ JWD โดยมีแนวรับที่ 8.50 และ 8.40 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 9.00 และ 9.40 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 8.15 ลงไป
Trading Pick Follow up: แนวรับ แนวต้าน
TlPCO แนวโน้มขึ้นทดสอบ 15.50 และ 16.00 แนวรับสำคัญ 13.70 14.00 / 13.80 14.80 /15.00
THCOM แนวโน้มขึ้นทดสอบ 21.00 และ 21.50 แนวรับสำคัญ 19.50 20.20 / 20.00 21.00 /21.50
BJCHI สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 5.60 และ 5.80 แนวรับสำคัญ 5.15 5.25 / 5.15** 5.50 /5.60
LDC แนวต้านสำคัญ 1.64 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 1.70 และ 1.75 1.60 / 1.57 1.64 /1.70
ASEFA สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 8.20 และ 8.30 แนวรับสำคัญ 7.80 14.60 / 14.40 15.00 /15.50
DEMCO สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 9.20 และ 9.50 แนวรับสำคัญ 8.50 9.00 / 8.90 9.20 /9.50
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ปรับฐานรอดูนโยบายผู้นำสหรัฐคนใหม่ในสัปดาห์หน้า
เมื่อวานนี้ดัชนีปรับลดลงเป็นวันแรกของปีโดยปิดลบไป 7.40 จุดหรือ -0.47% ปิดที่ 1,564.08 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 53,355 ล้านบาท ลดลงจากระดับ 6 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์ก่อน โดยกองทุนในประเทศเป็นผู้ขายสุทธิออกมากว่า 2,225 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นการขายทำกำไรบางส่วนและบางส่วนจากการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนดในปีนี้ หลังจากที่กองทุนซื้อมาต่อเนื่อง 8 วันติดรวม 14,055 ล้านบาท นับจากปลายปีก่อน ดันดัชนีขึ้นมากว่า 70 จุดหรือ 4% นับจากวันที่ 23/12/16 ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 1,581 ล้านบาท จากที่ซื้อสุทธิมากว่า 1.4 หมื่นล้านบาทในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นการปรับฐานลงของตลาดด้วยแรงขายทำกำไรของกองทุนในช่วงนี้จึงยังไม่น่ากังวลตราบใดที่นักลงทุนต่างประเทศยังเป็นผู้ซื้อสุทธิอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งต้องพิจารณาค่าเงินบาทประกอบ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ เราคาดว่าจะเห็นนักลงทุนต่างประเทศอาจกลับมาขายทำกำไรหุ้นไทยด้วย
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง 2.03 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -3.8% ปิดที่ 51.96 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลสหรัฐเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน หลังมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 4 แท่น เป็น 529 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำให้ตลาดกังวลว่าการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกที่ตกลงว่าจะลดกำลังการผลิตลง 1.5 ล้านบาร์เรล/วันและ 558,000 บาร์เรล/วันตามลำดับ หรือรวมประมาณ 2% ของกำลังการผลิตทั่วโลก เราคาดว่าราคาน้ำมันในช่วงสั้นอาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า หากแถลงการณ์ของผู้นำสหรัฐคนใหม่ชี้นำให้ตลาดมีการคาดหมายว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งอย่างที่เคยประกาศในปีนี้ ก็จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งไม่ดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบ ดังนั้นเราคาดว่าราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นมีโอกาสปรับฐานลงไปที่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการขายทำกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้
สำหรับปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันที่ 12 ม.ค. โดยตลาดคาดว่า BOE จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% และยังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ออกมา โดยคงรอดูความคืบหน้าของกระบวนการ Brexit ก่อนโดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายกฯ อังกฤษได้เปิดเผยว่าเตรียมประกาศแผนยุทธศาสตร์การแยกอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะใช้มาตรา 50 (Article 50) ตามสนธิสัญญาลิสบอน ซึ่งเป็ยกระบวนการที่ประเทศสมาชิกจะถอนตัวออกจาก EU ในกรอบเวลา 2 ปี โดยคาดจะเริ่มดำเนินการในเดือนมี.ค. นี้
ปัจจัยที่ตลาดให้น้ำหนักติดตามมากที่สุดในช่วงนี้คือ การแถลงนโยบายเศรษฐกิจของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ นาย Donald Trump ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. นี้ โดยหากยังยืนยันนโยบายเศรษฐกิจตามที่ได้มีการหาเสียงไว้ (America First) ทั้งการลดภาษีนิติบุคคลในสหรัฐจาก 35% เหลือ 15%, การเพิ่มกำแพงภาษีให้กับสินค้านำเข้าจากจีนและเม็กซิโก, การเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันในที่ของรัฐ, การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านดอลลาร์และการยกเลิกข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) เราคาดว่าจะเห็นเม็ดเงินไหลกลับไปที่สหรัฐต่อเนื่อง, ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อ, bond yield จะกลับมาพุ่งขึ้นตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับตลาดหุ้นเกิดใหม่
สำหรับ ปัจจัยภายในที่ต้องติดตามคือการประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2016 ของกลุ่มธนาคารโดยเริ่มด้วย TISCO จะประกาศวันที่ 11 ม.ค. และตามด้วย TMB ในวันที่ 17 ม.ค., KBANK TCAP วันที่ 18 ม.ค., BBL SCB วันที่ 19 ม.ค. และ BAY KKP KTB วันที่ 20 ม.ค. โดยธนาคารที่คาดว่าจะมีผลกำไรเติบโตทั้ง yoy และ qoq ในไตรมาส 4/16 ได้แก่ KBANK SCB และ TISCO โดยเราให้เป้าหมาย 186 บาท, 177 บาทและ 77 บาทตามลำดับ
วันนี้ คาดว่า ตลาดจะมีการปรับฐานลงต่อจากแรงขายทำกำไรของกองทุนในประเทศต่อเนื่อง โดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีคาดว่าจะเผชิญแรงขายจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงเมื่อคืนนี้ ในขณะที่กลุ่มธนาคารก็คาดว่าจะถูกขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะปรับตัวได้ดีในช่วงนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้อย่างกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC SCCC TPIPL DCC DRT TASCO) กลุ่มค้าปลีก (HMPRO GLOBAL BJC) หากตลาดวันนี้ปรับลดลงไปที่แนวรับสำคัญที่ 1560 จุดแล้วยืนได้ ตลาดก็มีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ 1575 จุดได้ในสัปดาห์นี้ แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าวก็คาดว่าตลาดจะปรับฐานลงต่อไปที่ระดับ 1548 จุด วันนี้เราให้แนวรับที่ 1548-1560 จุดและแนวต้านที่ 1570-1575 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BA KCE EPG TISCO
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: สำหรับปัจจัยภายในที่ต้องติดตามคือการประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2016 ของกลุ่มธนาคารโดยเริ่มด้วย TISCO จะประกาศวันที่ 11 ม.ค. และตามด้วย TMB ในวันที่ 17 ม.ค., KBANK TCAP วันที่ 18 ม.ค., BBL SCB วันที่ 19 ม.ค. และ BAY KKP KTB วันที่ 20 ม.ค. โดยธนาคารที่คาดว่าจะมีผลกำไรเติบโตทั้ง yoy และ qoq ในไตรมาส 4/16 ได้แก่ KBANK SCB และ TISCO โดยเราให้เป้าหมาย 186 บาท, 177 บาทและ 77 บาทตามลำดับ วันนี้คาดว่าตลาดจะมีการปรับฐานลงต่อจากแรงขายทำกำไรของกองทุนในประเทศต่อเนื่อง โดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีคาดว่าจะเผชิญแรงขายจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงเมื่อคืนนี้ ในขณะที่กลุ่มธนาคารก็คาดว่าจะถูกขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะปรับตัวได้ดีในช่วงนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้อย่างกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC SCCC TPIPL DCC DRT TASCO) กลุ่มค้าปลีก (HMPRO GLOBAL BJC) หากตลาดวันนี้ปรับลดลงไปที่แนวรับสำคัญที่ 1560 จุดแล้วยืนได้ ตลาดก็มีโอกาสที่จะรีบาวน์กลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมของปีนี้ที่ 1575 จุดได้ในสัปดาห์นี้ แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าวก็คาดว่าตลาดจะปรับฐานลงต่อไปที่ระดับ 1548 จุด วันนี้เราให้แนวรับที่ 1548-1560 จุดและแนวต้านที่ 1570-1575 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BA KCE EPG TISCO
Themes play :
TISCO : เราแนะนำให้ ซื้อ TISCO โดยมีราคาเป้าหมาย 77.00 บาท หลัง TISCO ซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ไทย โดยเรามองว่าเป็นโอกาสเติบโตในระยะยาวและเปลี่ยนจากธนาคารที่เน้นบริการสินเชื่อเช่าซื้อเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีผลิตภัณฑ์ครบวงจร เราปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นของ TISCO ขึ้น 12.6-27.1% ในปี FY17-18 จากการซื้อกิจการข้างต้น นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจาก 2.9-4.5% ในปี FY17-18 เป็น 9% ต่อปีเพื่อสะท้อนโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการ cross-sell ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในธุรกิจประกันผ่านธนาคาร กองทุนรวมและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเรามองว่าเป็นประโยชน์ใกล้มือที่ TISCO สามารถเก็บเกี่ยวได้ทันทีหลังประสบความสำเร็จกับการซื้อกิจการ เราเล็งเห็นปัจจัยบวกที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้นจากการการที่ consensus ปรับเพิ่มประมาณการกำไร กำไรที่คาดจะเติบโตสูงกว่าคู่แข่ง และ ROE ที่เพิ่มสูงขึ้น
ประเด็นในสัปดาห์
10 ม.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Wholesale Inventories MoM เดือนธ.ค.
12 ม.ค. : ยุโรปประกาศตัวเลข Industrial Production SA MoM เดือนพ.ย. จากเดือนก่อนหน้า -0.1%
12 ม.ค. : การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%
13 ม.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Retail Sales Advance MoM เดือนธ.ค. โดยตลาดคาด 0.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.1%
Fundamental Stock :
THCOM : Company Note คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 30บาท
DTAC : Company Note คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย : 44.60บาท
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้าน 1580-1585 และมีแนวรับสำคัญ 1550 จุด
Focus Development & Construction (FOCUS TB; THB 2.20) - ซื้อ
JWD Infologistics (JWD TB; THB 8.50) - ซื้อ
SET Index : แนวต้านสำคัญ 1580-1585
Retail Research Team