- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 10:38
- Hits: 2765
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
January Effect!?
วันนี้คาดดัชนีฯ Consolidated ในกรอบ 1,565-1,578 จุด คงคาดเป็นการพักฐานเพื่อรอขึ้นต่อ ตราบใดที่ไม่หลุด 1,560 +/- 5 จุด
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดสร้างฐานบริเวณ 1,560 +/- 5 จุด เพื่อรอจังหวะขึ้นต่อ ทะลุแนวต้านสั้น 1,575 จุด (แนะเลือกลงทุนรายตัวตราบใดที่ไม่หลุด 1,560 +/-) แนวต้านระยะสัปดาห์ 1,600 จุด ปัจจัยหนุนจะมาจาก (1) แนวโน้มการพักเงินไว้ในภูมิภาค เพื่อเก็งกำไรการแข็งค่าของค่าเงินหยวน จากนโยบายจีนสกัดเงินทุนไหลออกผ่านการใช้มาตรการค่าเงินหยวนแข็งค่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2005 โดยค่าเงินภูมิภาคและค่าเงินบาท แข็งค่าหลังจาก จีนปรับขึ้นค่ากลางเงินหยวน 0.9% (6 มค.) เป็น 6.8668 CNY/US$ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจโลกคาดส่งผลบวก/ลบ คละกัน โดยตัวเลขส่งออกภูมิภาค จีน ฟิลิปปินส์ แย่ลง แต่ US Retail sale ดีขึ้น และ เงินเฟ้อ, ดัชนี Industrial production ยุโรป คาดดีขึ้น (3) ประชุมธนาคารกลางยุโรป และ เกาหลีใต้ คาดเดินนโยบายผ่อนคลายต่อเนื่อง
ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค.อิง (1) แรงซื้อคืนจาก นลท.ต่างชาติ...โดยแรงขายคาดว่าจะจำกัดอิงสัดส่วนถือครองหุ้นไทยที่ 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 32% (2) ตัวเลขเศรษฐกิจภูมิภาคช่วงต้นปี คาดโมเมนตั้มฟๆฟยังดีต่อเนื่องจากปลายปี (ดัชนีภาคการผลิตโลก)
ส่วนข่าวลบ วิตกเม็ดเงินไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ที่คาดว่าจะกดันหุ้นไทยเดือน มค. คาดว่าจะกระทบหุ้นไทยจำกัดเพราะ (1) เม็ดเงินซื้อ LTF สุทธิปี 2013 คิดเป็นประมาณ 8% ของ NAV (หรือคิดเป็นเพียง 2 หมื่นกว่าลบ.เท่านั้น จากที่ BLS รวบรวม) และ อิงข้อมูลการไถ่ถอนหน่วยฯ ย้อนหลัง 3 ปี พบว่าการขายหน่วยจะกระจายหลายเดือน ไม่ได้กระจุกตัวในเดือน มค.เพียงเดือนเดียว (2) ระดับผลตอบแทนหุ้นไทยปี 2013 เทียบ ณ.ปัจจุบันเฉลี่ยเพียง 8% ซึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงเหมือนรอบ ปี 2012 และครบกำหนดปี 2016 ที่ให้ผลตอบแทนถึง 22%
หุ้นแนะนำวันนี้ PACE ย่อซื้อ แนวรับ 3.6 บ. ต้าน 3.88/4.04 บ. Stop loss 3.5 บ. และหุ้นในรายงาน Weekly strategy (IVL BJCHI BCPG COM7 TFG TACC TNR SCB)
รายงานวันนี้
(+) LPN เรามีการปรับคำแนะนำขึ้นจาก ถือ เป็น ซื้อเก็งกำไร ที่ราคาเป้าหมาย 14.60 บาท โดยเราเชื่อว่าหลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งกิจกรรมในการเปิดตัวต่างๆค่อนข้างชะลอตัว น่าจะเริ่มเห็นการเปิดตัวโครงการที่เพิ่มขึ้นใน 2017 เรายังเชื่อว่าราคาน่าจะสะท้อนกำไรในช่วงครึ่งปีแรกปี 2017 ที่อ่อนตัวลงไปแล้ว เราแนะจับตามองกำไรที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในปี 2018 อันเป็นผลสืบเนื่องจากยอดจองซื้อที่ฟื้นตัวในปี 2017 อีกทั้งเราเชื่อว่าความเสี่ยงด้านล่างต่อราคาหุ้นค่อนข้างจำกัด จากการถือครองของต่างชาติที่ลดลงมาที่จุดต่ำสุดที่ 28.3% (เทียบกับ 70% ในปี 2012)
(+) HMPRO เราประเมินว่ายอดอัตราการเติบโตของสาขาเดิมน่าจะปรับตัวลดลงใน 4Q16 โดยลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางเดือน
ต.ค. ในขณะที่มาตรการช๊อปช่วยชาติก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงบวกมากไปกว่าปีที่แล้วที่มีมาตรการเช่นเดียวกัน แม้จำนวนระยะเวลาจะยาวขึ้นแต่ในแง่ของจำนวนนั้นคงเดิม อย่างไรก็ดีกำไรน่าจะยังคงสามารถโตได้ดีใน 4Q16 หนุนโดย SG&A to sales ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง (ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของ HomePro และ การประหยัดต่อขนาดจาก Mega Home) สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้คงเน้นไปที่การขยายสาขาในต่างประเทศมากขึ้นทั้ง มาเลเซีย และกัมพูชา เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 13.10 บาท โดยมองว่าจะเป็นผู้เล่นที่เติบโตโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก 2017 หนุนโดยกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นจากภาระมาตรการรถคันแรกที่จะหมดลง
(-) DTAC เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q16 ที่ 400 ล้านบาท ลดลง 60% YoY และ 39% QoQ หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดกำไรหลักที่ 388 ล้านบาท ลดลง 59% YoY และ 40% QoQ การชะลอตัวลงของกำไรเนื่องมาจากขาดทุนจากการอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์สำหรับลูกค้าโดยเฉพาะการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงเดือน ธ.ค., การลดลงอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าบริการ และค่าตัดจำหน่ายและงบลงทุนในการขยายเครือข่ายที่มากขึ้น เรายังคงคำแนะนำ ถือ
(+) BKD ยังคงเป็นบริษัทที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จาก 1) คาดกำไร 4Q16 มีโอกาสเป็นจุดสูงสุดของปีที่ 70 ล้านบาท และ 2) เงินปันผลจากการดำเนินงานที่คาดสูงโดดเด่นราว 3-4% 3) มีโอกาสได้รับปันผลพิเศษจากการขายที่ดินกรุงเทพกรีฑาราว 488 ล้านบาท ดังนั้นเราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท (จากมูลค่าธุรกิจรับเหมาฯ ที่ 3.10 บาท/หุ้น P/E 23.5 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ยในอดีต คาดการฟื้นตัวของธุรกิจหนุนให้ราคาหุ้นเทรดที่ค่าเฉลี่ยในอดีตได้ และมูลค่าเงินสดจากการขายที่ดินกรุงเทพกรีฑาราว 0.40 บาท/หุ้น ซึ่งยังไม่รวมถึงมูลค่าที่ดินคูคตมูลค่าราว 600 ล้านบาท ที่อาจขายได้ในอนาคต)
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) SCB ชี้แจง ธปท. ยืนยันการปล่อยกู้ JAS 4.25 หมื่นล้านบาท ผ่านการอนุมัติบอร์ดตามขั้นตอน และ แบงก์ชาติอนุญาตแล้ว (ที่มาฐานเศรษฐกิจ)
(-) IFEC แจ้งตลาดเลื่อนชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน โซลาริสตราสารหนี้พริวิลเลจ 3 เอ็ม 5 ที่เสนอขายบุคคลในวงจำกัด 200 ล้านบาท / เราได้แนะนำ Under review (ไม่มีคำแนะนำ รอปรับประมาณการ) ในรายงาน รอบด้านตลาดหุ้น เมื่อวันที่ 14 พย. 59 เพื่อขอรอติดตามพัฒนาการ หลังจากผลการดำเนินงาน 3Q16 ผิดคาด จนกระทั่งเกิดการเข้าซื้อกิจการแบบไม่เป็นมิตรของกลุ่มทุนใหม่หลังจากนั้นไม่นาน (Hostile takeover) คือเมื่อ พย.-ธค. 59 และเราได้แนะนำขายออกจากพอร์ตจำลอง วันที่ 2 ธค. (ในรายงานรอบด้านฯ) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ขาดความชัดเจน-ต่อเนื่อง ของข้อมูล จึงแนะนำขายตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ธค.16 (ที่มา ตลท. / BLS Research)
(-) รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ออสเตรเลียได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการให้ระงับการนำเข้ากุ้งสดจากทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย เนื่องจากเกิดความวิตกกังวลเรื่องโรคกุ้งตัวแดงดวงขาวที่กำลังระบาดอยู่ทั่วอาเซียนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเลี้ยงกุ้งในออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียยังมีการนำเข้ากุ้งแปรรูปจากประเทศต่างๆอยู่ เพียงแต่ขอนำเข้าในรูปแบบปรุงสุกเท่านั้น (ที่มา ไทยรัฐฯ) / จับตาการระบาดของโรค อาจเป็นประเด็นใหม่สร้างความกังวลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (CPF TU CFRESH)
(+) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องการแก้ปัญหารถตู้สาธารณะได้เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วว่า รถตู้ขนส่งสาธารณะจะหมดไปในปี 2562 / ด้าน "คมนาคม" ดีเดย์เริ่มเปลี่ยนรถตู้โดยสาร เป็นไมโครบัส 1 ก.ค. นี้ และต้องเปลี่ยนครบ 6,431 คัน ภายในสิ้นปี พร้อมเล็งยกเลิกใบอนุญาตรถตู้โดยสารส่วนบุคคล ด้านคณะทำงานจัดระเบียบ รถตู้เล็งสลายวินรถตู้ต่างจังหวัด 199 แห่ง พร้อมตั้งคณะกรรมการบริหารเส้นทางดูแลรถตู้เข้มตั้งแต่สถานีถึงปลายทาง / จับตาพัฒนาการต่อจากนี้ หากมีการจัดจ้างผู้ประกอบการรถดัดแปลงไมโครบัสมาทดแทน CHO มีโอกาสได้อานิสงส์โดยตรง (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(*) TPC ตลท.เตือน สิ้นสุดเวลาตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ 11 มค.60
ปัจจัยที่มีผล
(0/-) ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบของเศรษฐกิจไทยที่จะได้รับจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 5,000 ล้านบาท ไม่สูงมาก เพราะน้ำท่วมในพื้นที่ชานเมืองเป็นหลัก โดยไม่ได้อยู่ในเขตเศรษฐกิจและไม่ได้อยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(+) ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ปรับขึ้นค่ากลางเงินหยวนถึง 0.9% เมื่อ วันที่ 6 ม.ค. ไปอยู่ที่ 6.8668 หยวน/เหรียญสหรัฐ หรือปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005 หลังจากที่เงินหยวนอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องเงินทุนไหลออก นับเป็นสัญญาณล่าสุดว่าทางการจีนกำลังเดินหน้าสกัดการอ่อนค่าของเงินหยวน (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(+/-) จันทร์ US Wholesale inventories พย. คาด +0.9% m-m, เยอรมนี Industrial production พย. คาด -0.3% จาก +0.3%, ตลาดหุ้นญี่ปุ่นหยุด, ไต้หวัน ส่งออกเดือน ธค. คาด +10.8% จาก +12.1% y-y (ที่มา Bloomberg)
(-) อังคาร จีน CPI ธค.คาด +2.2% จาก +2.3% ฟิลิปปินส์ ส่งออก พย. คาด -7% จาก +3.7%, ญี่ปุ่น Consumer confidence index ธค., ฝรั่งเศส Industrial production พย. (ที่มา Bloomberg)
(+) พุธ US Import prices ธค.คาด +0.7% จาก -0.3% m-m. สเปน Industrial production พย., UK Industrial production และ Manufacture production พย. ญี่ปุ่น Economic coincident พย.คาด 115 จาก 113.5, มาเลเซีย Industrial production พย. คาด +10% จาก +4.2% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส ประชุมธนาคารกลาง ยุโรป, US PPI final demand ธค. คาด +0.3% จาก +0.4% m-m. US Retail sale ธค. คาด +0.5% จาก +0.1% m-m. US U of M consumer sentiment คาด 98.6 จาก 98.2, ฝรั่งเศส CPI คาด +0.6% คงที่, อิตาลี Industrial production, EU area industrial production พย. คาด +0.2% จาก -0.1% m-m. อินเดีย CPI ธค.คาด +3.5% จาก +4.2% และ Industrial production คาด -2.2% จาก +0.7% (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ จีน ส่งออก เดือน ธค. คาด -3.8% จาก -1.6% y-y. ส่วนดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น US$bn48 จาก 44.2 ประชุมธนาคารกลาง เกาหลีใต้ คาดคงดอกเบี้ย 1.25% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค