- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 January 2017 09:41
- Hits: 1326
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
Dollar Index อ่อนค่า หนุนสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ตลาดน่าจะรอฟังถ้อยแถลงนายทรัมป์ฯ วันพุธนี้ ทำให้ flow ไหลกลับมาเอเซียชั่วคราว SET จึงมีโอกาสแตะ 1,600 จุด เร็วกว่าคาด แต่น่าจะเริ่มมีแรงขาย LTF อีกครั้ง กลยุทธ์สะสมหุ้นปันผลสูง (ASK, RATCH) และหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ (TTA, PTT, PTTEP) Top picks เลือก PTTEP(FV@B102) และ TTA([email protected]) (Equity Talk กลุ่มเดินเรือวันนี้)
(+) ค่าเงินเอเชียแข็งค่าช่วงสั้น ตาม Flow ที่ไหลกลับ
ตลาดหุ้นเอเชียฟื้นตัวอีกครั้ง นำโดยตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปรับตัวขึ้นเกือบ 6% จากสิ้นปี 2559 รองลงมาเป็นตลาดหุ้นไทยแม้เปิดทำการเพียง 3 วัน SET Index +1.8% ขณะที่ อินโดนีเซียขึ้นเพียง 1% (อินเดีย 0.5%) ทั้งนี้เกิดจากแรงหนุนของต่างชาติที่กลับเข้ามาต่อเนื่องจากปลายปี 2559 ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากตลาดหุ้นพัฒนาแล้วปรับตัวขึ้นตอบรับด้านบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. นี้ สะท้อนได้จากที่ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง นับจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้น DJIA ปรับตัวขึ้น 12% ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือนนับจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้น และน่าจะติดแนวต้านระยะสั้น 20,000 จุด ตามมาด้วยญี่ปุ่น เผชิญแนวต้าน 19,500 จุด หลังปรับตัวขึ้น 15% ในช่วงเดียวกัน ส่วนตลาดหุ้น ยุโรป ปรับตัวขึ้นเช่นกันแต่ในอัตราที่น้อยกว่า นำโดยเยอรมันปรับตัวขึ้น 10% ฝรั่งเศส 8% และ อังกฤษ 7% เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ทำให้ค่าเงินภูมิภาคเอเชียกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นำโดยเงินรูเปียะห์ของอินโดนีเซียแข็งค่ามากสุด ราว 1% ที่เหลือปรับตัวขึ้นอัตรา 1% หรือน้อยกว่า ขณะที่ค่าเงินในเอเซียตะวันออก แข็งค่ามากกว่ากลุ่มอาเซียน คือ เงินวอนเกาหลีใต้ แข็งค่าถึง 2.03% ตามด้วยเยน แข็งค่า 1.39% และเงินหยวน แข็งค่า 1.11% ตรงกันข้ามค่าเงินดอลลาร์เริ่อ่อนค่า หลังจากทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบกว่า 14 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ Fund Flow ไหลกลับน่าจะเป็นเหตุการณ์ช่วงสั้น ๆ ทั้งนี้คงต้องติดตาม การแถลงการณ์ของนายทรัมป์ฯ ที่จะเกิดขึ้นในพุธนี้ว่าจะเป็นไปตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่
(0) สหรัฐยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ แม้ Non-farm payrolls ชะลอตัว
ดัชนี ชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัว แม้ชะลอตัวบ้าง ล่าสุด ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร(Nonfarm payrolls) เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด (1.56 แสนราย ชะลอตัวจาก 2 แสนรายในเดือน พ.ย.) ส่งผลให้อัตราการว่างงาน เพิ่มขึ้นเป็น 4.7% จาก 4.6% เดือน พ.ย. ขณะที่ค่าแรง/ชั่วโมงของแรงงานสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.4% จากที่ติดลบ 0.1% ด้วยอัตราเงินเฟ้อล่าสุดยังอยู่ในระดับสูง 1.7% เทียบกับดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5-0.75% ยัง หนุนให้ Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3-4 ครั้งในปี 2560
ทั้งนี้ ขึ้นกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์ฯ โดยเฉพาะการกระตุ้นฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการผ่านการลดภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีนิติบุคคล เป็นต้น ว่าการดำเนินโยบายดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่คาด ซึ่งหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐขึ้นตอบรับไปล่วงหน้าดังกล่าวข้างต้นแล้ว
รวมถึงนโยบายหนุนผู้ประกอบการในประเทศ โดยเน้นการกีดกันทางการค้าประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐ โดยเฉพาะจีน ซึ่งได้ดุลมากสุดในสัดส่วน 40% ของยอดขาดดุลของสหรัฐทั้งหมด ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเอเชีย ไปแล้วล่วงหน้าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานั้น นายทรัมพ์ฯ จะทำตามที่หาเสียงไว้ได้มากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. 2560 ทั้งนี้หากตลาดผิดหวังอาจจะทำให้การปรับฐานหลังจากที่ดัชนีติด 20,000 จุด อาจจะกินเวลาพักหนึ่ง
(+) ราคาน้ำมันดูไบใกล้ 55 เหรียญฯ มีโอกาสปรับสมมติฐานปีนี้ขึ้น
การรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรายสัปดาห์ล่าสุดยังคงลดลง และ ลดลงมากกว่าคาด ขณะที่ความคาดหวังว่า ข้อตกลงที่ลดการผลิตน้ำมันทั้งจาก กลุ่ม OPEC และ Non Opec น่าจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมนับจากนี้ หลังจากที่มีหลายประเทศออกมายอมรับการลดกำลังการเพิ่มเติม เช่น คูเวต ลดลง 1.3 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะ ซาอุดิอาราเบีย และ อิรัก ซึ่งมีกำลังการผลิตใหญ่สุดอันดับ 1 และ 2 ของOpec ตามลำดับ ได้ลดการผลิตแล้วตั้งแต่เดือน ธ.ค. ทำให้ผลผลิตน้ำมันโดยรวมของ OPEC ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนนี้ (ติดตามผลการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในวันที่ 13 ม.ค. ที่กรุงอาบูดาบี และ 21-22 ม.ค. ที่กรุงเวียนนา) และค่าเงินดอลลาร์ที่มีทิศทางอ่อนค่า หลังจากที่แข็งค่ามานาน เป็นปัจจัยหนุนอีกประการหนึ่ง ทั้งนี้การเพิ่มจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันของกลุ่ม shale oil และ shale gas ขึ้นมาอยู่ 665 หลุม สูงสุดนับจากต้นปี 2559 จะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นก็ตาม
โดยรวมคาดว่าหนุนราคาน้ำมันดูไบจะสามารถทรงตัวที่ระดับใกล้เคียง 55 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็น สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2560 ของ ASPS ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับสมมติฐานขึ้นจากระดับดังกล่าวข้างต้น จึงยังคงแนะนำสะสม PTT(FV@B400) และ PTTEP(FV@B102)
(+) ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคทั้ง 5 ประเทศ
วันศุกร์ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ด้วยมูลค่าราว 287 ล้านเหรียญ โดยเป็นการซื้อสุทธิทุกประเทศ นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 132 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5) รองลงมาคือ ไต้หวัน 84 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 10 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิ 3 วัน), ฟิลิปปินส์ 7 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5) และไทยที่ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 54 ล้านเหรียญ หรือ 1.9 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยมียอดรวมสูงถึง 1.53 หมื่นล้านบาท) ต่างกับนักลงทุนสถาบันฯที่สลับมาขายสุทธิเล็กน้อยราว 374 ล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิต่อเนื่องถึง 8 วัน โดยมียอดรวมสูงถึง 1.40 หมื่นล้านบาท)
ส่วนทางด้านตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิราว 3.48 หมื่นล้านบาท ต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิราว 999 ล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2)
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์