WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

          SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมาแกว่งในกรอบแคบ 1,575 จุด ยังไม่ผ่าน เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นขนาดกลางยังคงโดดเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 0.43 จุด มาอยู่ที่ 1,571.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61,143 ล้านบาท

          เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 3 อีก 1,911 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เท่ากับ 424 สัญญา แต่ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 999 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญวันนี้

          - ตัวเลขการจ้างงานเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด

          - ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 4)

          แม้ว่าแนวต้าน 1,575 จุด +/- ในวันนี้จะยังไม่ผ่านเป็นวันที่ 2 ก็ตาม แต่ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้ Downside risk ของ SET INDEX จำกัด การย่อตัวลงระหว่างทางในช่วงสั้นนี้จะมีแรงซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิไปกว่า 1.2 แสนล้านบาทในปี 2559

          อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทั้งการจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร จะทำให้ความกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดคลายตัวลงในช่วงสั้น บวกกับ DJIA ที่ยังไม่ผ่านด่านจิตวิทยา 20,000 จุด และทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทรงตัวถึงอ่อนค่าในช่วงสั้น ต่างทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียคึกคักต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

          เราประเมินว่ากลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี จะยังแข็งแกร่ง ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังซาอุฯ ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่ตกลงกับกลุ่มโอเปกไปในปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และการเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร ซึ่ง TISCO จะประกาศในวันที่ 11 ม.ค. ประเด็นสำคัญกับการจัดลำดับชั้นหนี้ SSI จะเป็นอย่างไร และจะมีผลต่อ SCB / KTB ที่จะรายงานในสัปดาห์หน้า

          กลยุทธ์การลงทุน "ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงซื้อ" เน้นหุ้นขนาดกลางในช่วงสั้นนี้ที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q59 เติบโตเด่น

Daily Pick         

          1. สะสม SCB : ราคาปิด 156.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท

          a) MBKET แนะนำสะสมหุ้น SCB เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เนื่องจากเชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า Upside ของตลาดเริ่มจำกัดมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้สู่บริเวณ 1590-1600 จุด จากแรงขายของกองทุนในประเทศ

          b) ประเด็นลงทุนใน SCB สัปดาห์นี้อยู่ที่การประกาศงบการเงินของ TISCO ในวันพุธนี้ เนื่องจาก TISCO เป็น 1 ในผู้ปล่อยกู้ให้กับ SSI ดังนั้น หากงบการเงินของ TISCO มีการกลับรายการเงินกู้ของ SSI จากหนี้เสีย เป็นหนี้ปกติ เชื่อว่าจะเป็นบวกต่อ SCB เช่นกันในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของ SSI

          c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร และ SET INDEX และยังซื้อขายระดับ PER2560 ที่ 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 10.3 เท่า          

          2. สะสม IRPC : ราคาปิด 5.05 บาท ราคาเหมาะสม 5.70 บาท

          a) ราคาหุ้นที่ยืนเหนือระดับ 5.00 บาทได้ เชื่อว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อภาพเทคนิค โดยมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 5.20 บาท

          b) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 4Q59 จะเติบโตสูง yoy และ qoq จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ปรับตัวขึ้น และการบันทึกกำไรจาก Stock Gain เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวขึ้นถึง +16% qoq ใน 4Q59 ปิดที่ US$54.46/barrel

          c) จุดเด่นอยู่ที่จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2560 หุ้นละ 0.22 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.4% และทิศทางผลประกอบการปี 2560 คาดว่าจะเติบโต +10% yoy เป็น 11,412 ล้านบาทจากการรับรู้รายได้จากโครงการ UHV เต็มปี และราคาน้ำมันดิบที่ไต่ระดับขึ้นเชื่อว่าจะเป็น Upside Risk ให้ Consensus มีโอกาสทบทวนประมาณการกำไรปี 2560 ขึ้นได้เช่นกัน

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets

          ซื้อสุทธิวันที่ 8 อีก US$292 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$278 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้

          ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่นเป็นวันที่ 3

          นักลงทุนต่างชาติ ยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 1,911 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 7,077 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิ 7,077 ล้านบาท

ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 424 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า ผลักดันให้ S50H17 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.29 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 1.23 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Long สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 12,898 สัญญา

          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 999 ล้านบาท ภายใต้ราคาพันธบัตรไทยอ่อนตัวลงเป็นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 5.04bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.66bps ปิดที่ 2.744%

Short-Selling วานนี้

          เท่ากับ 838 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,338 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 53 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 47 หลักทรัพย์

NVDR Movement

          NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 คงการซื้อแบบ Basket orders

          การซื้อขายผ่าน NVDR ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 1,721 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,858 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 8,107 ล้านบาท เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร 699 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน 444 ล้านบาท แลกลุ่มอาหาร 228 ล้านบาท แต่ขายสุทธิกลุ่มวัสดุก่อสร้างสูงสุด เพียง 160 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา

          ประธานเฟดสาขา Chicago คาดขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้: ประธานเฟดสาขา Chicago นาย Charles Evans ประเมินว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง แต่หากเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และเป็นได้จริง การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ก็มีความเป็นไปได้

          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงลบ

          - การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.56 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 1.75 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้า 2.04 แสนตำแหน่ง

          - การจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค. 1.44 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 1.65 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้า 1.98 แสนตำแหน่ง

          - อัตราการว่างงานเดือนธ.ค. เท่ากับ 4.7% เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาด แต่ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.6%

          - ดุลการค้าเดือนพ.ย. ขาดดุล US$4.52 หมื่นล้าน แย่กว่า Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$4.45 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าขาดดุล US$4.24 หมื่นล้าน โดยการส่งออกลดลง 0.2% mom ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.1% mom นำโดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่นำเข้าเพิ่มขึ้น

          - คำสั่งซื้อโรงงาน เดือนพ.ย.หดตัว 2.4% mom ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาดลดลง 2.5% mom แต่เป็นการลดลงที่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า -2.8% mom ทั้งนี้คำสั่งซื้อสินค้าทุนหลัก (Core Capital Goods) เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 0.9% mom เป็นเดือนที่ 2

ยุโรป

          สกอร์ตแลนด์ไม่พอใจกับแผนการ Brexit ของรัฐบาลอังกฤษ: First Minister Sturgeon มีความรู้เพียงเล็กน้อยกับแผนการออกจากการเป็นสมาชิกภาพในกลุ่มอียูของอังกฤษ ทั้งนี้รัฐบาลอังกฤษต้องการเจรจาอย่างประนีประนอมกับอียู เพื่อให้สกอร์ตแลนด์สนับสนุนอังกฤษ แทนที่จะมุ่งเน้นเจรจากรณีผู้อพยพที่เป็นปัญหาอยู่

          ยอดค้าปลีกในอียูลดลง mom ในเดือนพ.ย.: ยอดค้าปลีกหดตัว 0.4% mom ในเดือนพ.ย. หลังเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 1.4% mom เป็นผลจากยอดค้าปลีกในส่วนที่ไม่ใช่อาหารหดตัว 0.9% mom เช่นกลุ่มเสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เวชภัณฑ์ และ E-commerce

จีน

          จีนมั่นใจเศรษฐกิจปี 2559 เติบโต 6.7% ตามเป้าหมาย: รองรมว.คลัง มั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 6.7% ในปีนี้ ตามเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี 2559 ระหว่าง 6.5-7.0% ผลักดันด้วยการลงทุนภาครัฐ ตลาดอสังหาฯ ที่ขยายตัว และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารอย่างโดดเด่น สำหรับเศรษฐกิจในปี 2560 จะเผชิญกับความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของสหรัฐฯ หลังนาย Trump เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.

เอเชียแปซิฟิก

          ไม่มี

ไทย

          คลังปูพรมใช้งบดัน GDP 4.0%: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบถึงแนวโน้มและแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2560 เพื่อให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัวได้ที่ 4% โดยจะมีการใช้งบประมาณผ่านโครงการและมาตรการต่างๆ เพื่ออัดฉีดวงเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมได้เต็มที่วงเงิน 1.9 แสนล้านบาท, การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้ไม่ต่ำกว่า 3.25 แสนล้านบาท, และการส่งเสริมให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 35 ล้านคน หรือคิดเป็น 7.5% จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2560 ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะการอัดฉีดวงเงินดังกล่าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่มียอดรวมกว่า 5.85 แสนล้านบาท ถือเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้จีดีพีเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวในระดับที่ 4% ทำให้เศรษฐกิจของไทยสามารถหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางได้เร็วขึ้น

Strategist Team

          Mayuree Chowvikran, CISA   Strategist / Analyst  662-6586300 x 1440

          Padon Vannarat  Equity Analyst  662-6586300 x 1450

          Krittapol  Itthithumsakul  Assistant Analyst

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

  SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมาแกว่งในกรอบแคบ 1,575 จุด ยังไม่ผ่าน เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นขนาดกลางยังคงโดดเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 0.43 จุด มาอยู่ที่ 1,571.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61,143 ล้านบาท

เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 3 อีก 1,911 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เท่ากับ 424 สัญญา แต่ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 999 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญวันนี้

  ตัวเลขการจ้างงานเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด

  ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 4)

  แม้ว่าแนวต้าน 1,575 จุด +/- ในวันนี้จะยังไม่ผ่านเป็นวันที่ 2 ก็ตาม แต่ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้ Downside risk ของ SET INDEX จำกัด การย่อตัวลงระหว่างทางในช่วงสั้นนี้จะมีแรงซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิไปกว่า 1.2 แสนล้านบาทในปี 2559

  อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทั้งการจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร จะทำให้ความกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดคลายตัวลงในช่วงสั้น บวกกับ DJIA ที่ยังไม่ผ่านด่านจิตวิทยา 20,000 จุด และทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทรงตัวถึงอ่อนค่าในช่วงสั้น ต่างทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียคึกคักต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

เราประเมินว่ากลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี จะยังแข็งแกร่ง ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังซาอุฯ ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่ตกลงกับกลุ่มโอเปกไปในปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และการเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร ซึ่ง TISCO จะประกาศในวันที่ 11 ม.ค. ประเด็นสำคัญกับการจัดลำดับชั้นหนี้ SSI จะเป็นอย่างไร และจะมีผลต่อ SCB / KTB ที่จะรายงานในสัปดาห์หน้า

กลยุทธ์การลงทุน “ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงซื้อ” เน้นหุ้นขนาดกลางในช่วงสั้นนี้ที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q59 เติบโตเด่น

Daily Pick

1. สะสม SCB : ราคาปิด 156.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท

  a) MBKET แนะนำสะสมหุ้น SCB เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เนื่องจากเชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า Upside ของตลาดเริ่มจำกัดมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้สู่บริเวณ 1590-1600 จุด จากแรงขายของกองทุนในประเทศ

  b) ประเด็นลงทุนใน SCB สัปดาห์นี้อยู่ที่การประกาศงบการเงินของ TISCO ในวันพุธนี้ เนื่องจาก TISCO เป็น 1 ในผู้ปล่อยกู้ให้กับ SSI ดังนั้น หากงบการเงินของ TISCO มีการกลับรายการเงินกู้ของ SSI จากหนี้เสีย เป็นหนี้ปกติ เชื่อว่าจะเป็นบวกต่อ SCB เช่นกันในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของ SSI

  c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร และ SET INDEX และยังซื้อขายระดับ PER2560 ที่ 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 10.3 เท่า

2. สะสม IRPC : ราคาปิด 5.05 บาท ราคาเหมาะสม 5.70 บาท

  a) ราคาหุ้นที่ยืนเหนือระดับ 5.00 บาทได้ เชื่อว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อภาพเทคนิค โดยมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 5.20 บาท

  b) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 4Q59 จะเติบโตสูง yoy และ qoq จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ปรับตัวขึ้น และการบันทึกกำไรจาก Stock Gain เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวขึ้นถึง +16% qoq ใน 4Q59 ปิดที่ US$54.46/barrel

  c) จุดเด่นอยู่ที่จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2560 หุ้นละ 0.22 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.4% และทิศทางผลประกอบการปี 2560 คาดว่าจะเติบโต +10% yoy เป็น 11,412 ล้านบาทจากการรับรู้รายได้จากโครงการ UHV เต็มปี และราคาน้ำมันดิบที่ไต่ระดับขึ้นเชื่อว่าจะเป็น Upside Risk ให้ Consensus มีโอกาสทบทวนประมาณการกำไรปี 2560 ขึ้นได้เช่นกัน

Strategist Team

Mayuree Chowvikran, CISA

Strategist / Analyst

662-6586300 x 1440

Padon Vannarat

Equity Analyst

662-6586300 x 1450

Krittapol  Itthithumsakul

Assistant Analyst

Twitter Channel

http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!