- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 January 2017 18:49
- Hits: 1082
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
เลือกลงทุนเป็นรายตัวได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ กดดันจากหุ้นค้าปลีกที่ปรับลง และข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.21%, 0.20%, -0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 0.01%, 0.08%, 0.03%, 0.08%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 0.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาค โดยมีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร และปูนซีเมนต์ไทย กอปรกับค่าเงินดอลลาร์ได้กลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยน และยูโร หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรป ได้เปิดเผย อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.1% สูงสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาพลังงาน ทั้งนี้ประธานสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเยอรมนี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อยุโรปจะปรับตัวขึ้นถึงระดับ 2% ตามเป้าหมายของอีซีบี ส่งผลให้อีซีบีต้องปรับดอกเบี้ยขึ้น สอดคล้องกับที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายก ฯ เยอรมนีที่ออกมากล่าวว่า อีซีบีอาจยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในอีกไม่นานนี้ เมื่อคืนนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง สะท้อนจาก Dollar index ที่ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 102 จุด หลัง ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผย การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 153,000 ตำแหน่ง เทียบกับเดือนพ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง
วานนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมเฟดเดือนธ.ค. ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น และจะส่งผลให้เฟดต้องปรับอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ในมุมมองของเราเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวในปีนี้ ก็จะสะท้อนไปยังความต้องการใช้น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในปีนี้กลับมาขยายตัวในอัตราเร่ง และเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย ซึ่งกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จะเป็นกลุ่มเรือ (TTA, PSL) กลุ่มขนส่ง (WICE) ที่วานนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับมาอีกครั้ง หลังผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิกส์ที่ระบุว่า ภาคการผลิตทั่วโลกมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 34 เดือนในเดือนธ.ค. โดยขยับขึ้นแตะระดับ 52.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย. ที่ 52.1 ทางด้านผู้บริหาร TMB ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้มีเงินไหลออกไปหาผลตอบแทนที่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้สภาพคล่องในระบบของไทยลดลง คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.5% ในปีนี้ ทำให้ต้นทุนในการระดมทุนของเอกชนเพิ่มขึ้น และภาคเอกชนจะหันกลับมาใช้สินเชื่อแทนการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ คาดว่าสินเชื่อในระบบจะขยายตัวประมาณ 6-7% จากสมมติฐาน GDP ขยายตัว 3.5% ซึ่งธนาคารพาณิชย์จะเร่งระดมเงินฝากเพื่อตุนสภาพคล่องตั้งแต่ต้นปีนี้ เราคาดว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มมีแรงซื้อกลับในหุ้น KBANK, SCB, KTB และ BBL จากนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าแถว ๆ 1,530-1,520 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไรได้
Saravut Tachochavalit, Analyst TEL : +66 (2) 862-9754 Ext. 9754 EMAIL : [email protected]