- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 January 2017 18:34
- Hits: 1135
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังคงเปิดไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,570-1,575 จุด ผลักดันด้วยกลุ่ม ICT / SCC / PTT บวกกับบรรยากาศรอบเอเชียที่เป็นบวก แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรเข้ามาตลอดชั่วโมงการซื้อขายก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกอีก 7.47 จุด มาอยู่ที่ 1,571.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69,364 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 2 อีก 2,927 ล้านบาท แม้ว่าจะกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เท่ากับ 2,966 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เพียง 408 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 5-7 สตางค์
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- เงินทุนต่างชาติหนาแน่นใน 3 ตลาดไทย
- ติดตามภาวะการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
- ติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด Janet Yellen คืนวันที่ 12 ม.ค.
- ติดตามการประกาศงบ 4Q59 ของ TISCO วันที่ 11 ม.ค.
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 3)
แม้ว่าวันนี้เป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ และ Upside Gain ยังคงจำกัด แนวต้าน 1,575 จุด +/- ยังไม่น่าผ่านได้ในวันนี้ ทั้งนี้ระมัดระวังแรงขายจากกองทุนในประเทศ เพราะยิ่ง SET INDEX ขยับขึ้นเข้าใกล้ 1,600 จุดมากเท่าใด เราเชื่อว่าผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ครบกำหนด 5 ปีจะยิ่งไถ่ถอนหน่วยลงทุนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพียงแต่กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่หนาแน่นมาตั้งแต่ปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ช่วยจำกัด downside risk บวกกับนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิกว่า 1.2 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว ก็พร้อมเข้าเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง หากยังเป็นทิศทางของการอ่อนค่า อาจตีความได้ว่าเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าเอเชีย นอกจากนี้หาก TISCO รายงานงบ 4Q59 ออกมาดีกว่าคาด ยิ่งช่วยเสริมโมเมนตัมการเก็งกำไรเชิงบวกได้มากยิ่งขึ้น ภายใต้โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะทำได้ถึง 3 ครั้งตามเป้าหมายหรือไม่ ขณะที่ตลาดคาดเฟดจะทำได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้นในช่วง 2H60 โดยตัวแปรสำคัญอยู่ที่นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump
กลยุทธ์การลงทุน "ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงซื้อ" โดยหุ้นหลักอาจทยอยขายทำกำไรบางส่วน และหมุนเข้าหาหุ้นแถวสองที่ผลการดำเนินงานเติบโตเด่นเช่นกัน แต่ราคาหุ้นยังขยับขึ้นได้จำกัดเมื่อเทียบกับหุ้นหลักของกลุ่ม
Daily Pick
1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.22 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าจะ Outperform ตลาดได้ในเดือน ม.ค. เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่รองรับการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติโดยตรง และภาพรวมกำไรสุทธิปี 2560 จะกลับมาขยายตัวจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อเร่งตัวขึ้น ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์จะมีทิศทางที่ดีขึ้น
b) ภาพทางเทคนิคเป็นบวกหลังปรับตัวผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้วานนี้ และมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 2.30 บาทเป็นลำดับถัดไป
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +24% yoy เป็น 10,468 ล้านบาท และซื้อขายระดับ PBV2560 เพียง 1.02 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 1.62 เท่า
2. สะสม PSH : ราคาปิด 22.60 บาท ราคาเหมาะสม 31.50 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะกลับมาขยายตัว qoq เนื่องจากมียอดรอบันทึกรายได้รออยู่ 10,300 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A คาดว่าจะลดลง qoq เนื่องจาก 3Q59 มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่ปรึกษาทางการเงินในการปรับโครงสร้างเป็นบริษัท Holding
b) หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มี Catalyst รออยู่ จากการเปิดโครงการใหม่ใน 1H60 ซึ่งเลื่อนมาจาก 4Q59 เชื่อว่าหากมียอด Presales ที่ดี จะส่งผลให้ Sentiment การลงทุนต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติให้ความคาดหวังค่อนข้างต่ำ และ Under-owned จึงมี Downside ที่จำกัด
c) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยคาดการณ์เงินปันผล 2H59 ราวหุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 4% และปี 2560 หุ้นละ 1.60 บาท คิดเป็น Dividend Yield 7.2%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิวันที่ 7 อีก US$278 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$253 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่นต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติ ยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 2,927 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิ 5,166 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 2,966 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า กดดันให้ S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 1.23 จุด จากวันก่อนหน้าปิด Discount เพียง 0.23 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Long สุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 12,474 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิอีกครั้งเพียง 408 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยอ่อนตัวลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 2.66bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.13bps ปิดที่ 2.694%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 1,338 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 816 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 47 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 50 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ลักษณะ Basket Orders
การซื้อขายผ่าน NVDR ยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 2,858 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 3,528 ล้านบาท โดยเน้นสะสมกลุ่มพลังงาน 701 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร 493 ล้านบาท และกลุ่ม ICT 293 ล้านบาท ส่วนกลุ่มเกษตรสูงสุดเพียง 60 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ประธานเฟดสาขา San Francisco คาดนโยบายการคลังจะมีผลต่อเศรษฐกิจปานกลางถึงบวกเล็กน้อย: xประธานเฟดสาขา San Francisco ประเมินถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังของรัฐบาลใหม่จะมีผลต่อเศรษฐกิจปานกลางถึงบวกเล็กน้อยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
- การจ้างงานภาคเอกชน เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.53 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 1.72 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนหน้า 2.15 แสนตำแหน่ง
- ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.35 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.60 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้า 2.63 แสนตำแหน่ง
- ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนธ.ค. เท่ากับ 53.9 จุด ต่ำกว่าเดือนพ.ย.ที่ 54.6 จุด และเดือนต.ค.ที่ 54.8 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัว
- ดัชนี ISM ภาคบริการ เดือนธ.ค. เท่ากับ 57.2 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 56.8 จุด แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น 4.6 จุด เป็น 61.6 จุด ส่งสัญญาณแข็งแกร่ง
ยุโรป
ดัชนีราคาผู้ผลิตในอียูเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น: ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 0.3% mom และ 0.1% yoy ถือเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 3 ในรูปของ mom แต่ชะลอตัวจากเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.8% mom ผลักดันด้วยต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้น 0.7% mom ชะลอตัวจากเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 2.6% mom
Moody's เตรียมลดอันดับความน่าเชื่อถือในอังกฤษ, จีน และอัฟริกาใต้ในปีนี้: Moody's ประเมินอังกฤษ, อิตาลี, จีน, อัฟริกาใต้, เม็กซิโก และบราซิล มีความเสี่ยงที่จะมีการพิจารณาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในปีนี้ จากความเสี่ยงทางการเมือง ระดับหนี้ที่สูง
จีน
จีนตั้งงบลงทุน 2.5 ล้านล้านหยวนเพื่อลงทุนในพลังงานทางเลือก: The National Energy Administration (NEA) ประกาศแผนการลงทุนระยะ 5 ปีของพลังงานในจีน ภายในปี 2563 จะใช้เงินลงทุน 2.5 ล้านล้านหยวน กับพลังงานทางเลือก เช่น ลม, น้ำ, แสงอาทิตย์ และนิวเคลียร์ เป็นต้น เพื่อลดการใช้พลังงานจากถ่านหินที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และคาดว่าจะสร้างการจ้างงานได้ 13 ล้านตำแหน่ง
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
รายได้ท่องเที่ยวปี 2559 เติบโต 12.64%: รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงปี 2559 มีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน 32.58 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 1.64 ล้านล้านบาท ขยายตัว 8.91% และ 12.64% จากปีที่ผ่านมา ตามลำดับ โดยนักท่องเที่ยวสวีเดนพักนานที่สุด 19.41 วัน ในขณะที่นักท่องเที่ยวอิสราเอลใช้จ่ายสูงสุด 84,827 บาทต่อทริป นักท่องเที่ยวต่างชาติพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 9.56 วัน ใช้จ่ายมากขึ้นเป็น 5,268.42 ต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.25%
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังคงเปิดไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,570-1,575 จุด ผลักดันด้วยกลุ่ม ICT / SCC / PTT บวกกับบรรยากาศรอบเอเชียที่เป็นบวก แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรเข้ามาตลอดชั่วโมงการซื้อขายก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกอีก 7.47 จุด มาอยู่ที่ 1,571.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69,364 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 2 อีก 2,927 ล้านบาท แม้ว่าจะกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เท่ากับ 2,966 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เพียง 408 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 5-7 สตางค์
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เงินทุนต่างชาติหนาแน่นใน 3 ตลาดไทย
ติดตามภาวะการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด Janet Yellen คืนวันที่ 12 ม.ค.
ติดตามการประกาศงบ 4Q59 ของ TISCO วันที่ 11 ม.ค.
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 3)
แม้ว่าวันนี้เป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ และ Upside Gain ยังคงจำกัด แนวต้าน 1,575 จุด +/- ยังไม่น่าผ่านได้ในวันนี้ ทั้งนี้ระมัดระวังแรงขายจากกองทุนในประเทศ เพราะยิ่ง SET INDEX ขยับขึ้นเข้าใกล้ 1,600 จุดมากเท่าใด เราเชื่อว่าผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ครบกำหนด 5 ปีจะยิ่งไถ่ถอนหน่วยลงทุนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพียงแต่กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่หนาแน่นมาตั้งแต่ปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ช่วยจำกัด downside risk บวกกับนักลงทุนทั่วไปที่ขายสุทธิกว่า 1.2 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว ก็พร้อมเข้าเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง หากยังเป็นทิศทางของการอ่อนค่า อาจตีความได้ว่าเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าเอเชีย นอกจากนี้หาก TISCO รายงานงบ 4Q59 ออกมาดีกว่าคาด ยิ่งช่วยเสริมโมเมนตัมการเก็งกำไรเชิงบวกได้มากยิ่งขึ้น ภายใต้โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะทำได้ถึง 3 ครั้งตามเป้าหมายหรือไม่ ขณะที่ตลาดคาดเฟดจะทำได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้นในช่วง 2H60 โดยตัวแปรสำคัญอยู่ที่นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump
กลยุทธ์การลงทุน “ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงซื้อ” โดยหุ้นหลักอาจทยอยขายทำกำไรบางส่วน และหมุนเข้าหาหุ้นแถวสองที่ผลการดำเนินงานเติบโตเด่นเช่นกัน แต่ราคาหุ้นยังขยับขึ้นได้จำกัดเมื่อเทียบกับหุ้นหลักของกลุ่ม
Daily Pick
1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.22 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าจะ Outperform ตลาดได้ในเดือน ม.ค. เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่รองรับการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติโดยตรง และภาพรวมกำไรสุทธิปี 2560 จะกลับมาขยายตัวจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อเร่งตัวขึ้น ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์จะมีทิศทางที่ดีขึ้น
b) ภาพทางเทคนิคเป็นบวกหลังปรับตัวผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้วานนี้ และมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 2.30 บาทเป็นลำดับถัดไป
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +24% yoy เป็น 10,468 ล้านบาท และซื้อขายระดับ PBV2560 เพียง 1.02 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 1.62 เท่า
2. สะสม PSH : ราคาปิด 22.60 บาท ราคาเหมาะสม 31.50 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะกลับมาขยายตัว qoq เนื่องจากมียอดรอบันทึกรายได้รออยู่ 10,300 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A คาดว่าจะลดลง qoq เนื่องจาก 3Q59 มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่ปรึกษาทางการเงินในการปรับโครงสร้างเป็นบริษัท Holding
b) หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มี Catalyst รออยู่ จากการเปิดโครงการใหม่ใน 1H60 ซึ่งเลื่อนมาจาก 4Q59 เชื่อว่าหากมียอด Presales ที่ดี จะส่งผลให้ Sentiment การลงทุนต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติให้ความคาดหวังค่อนข้างต่ำ และ Under-owned จึงมี Downside ที่จำกัด
c) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยคาดการณ์เงินปันผล 2H59 ราวหุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 4% และปี 2560 หุ้นละ 1.60 บาท คิดเป็น Dividend Yield 7.2%
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong