- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 January 2017 17:10
- Hits: 1742
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีโอกาสปรับขึ้น? แต่คาดอาจเป็นไปในกรอบจำกัด หลังวานนี้ดัชนีปรับขึ้นกว่า 20 จุด ในวันทำการแรกของปี’60 โดยคาดได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะมุมมองของเฟดที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ขณะที่คาดหลังการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์อย่างเป็นทางการ (20/1/60) คาดยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องผ่านนโยบายการคลัง ซึ่งคาดสามารถรองรับกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (คาดอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้) อย่างไรก็ตามคาดตลาดส่วนใหญ่รับรู้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปบ้างแล้ว
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ขณะที่ Fund Flow ต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา อีกกว่า 2,200 ล้านบาท
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 37.2 ล้านคน
และยังแนะจับตา
กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,563.58 +20.64 980.93 +16.09 2,212.46 +34.27
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA ++60.40, NASDAQ +47.92, S&P +12.92, FTSE +11.85, CAC +0.07 และ DAX +0.07
หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม (13 – 14/12/59) ซึ่งมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฟดพร้อมที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ แม้นโยบายต่างๆของนายทรัมป์ยังมีความไม่แน่นอนในขณะนี้ แต่คาดว่านโยบายกระตุ้นการคลังของนายทรัมป์จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วขึ้น และคาดผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังจีเอ็ม ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 10%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีรวมภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน - ธ.ค. อยู่ที่ 54.4 เพิ่มขึ้นจาก 53.9 เมื่อพ.ย. แต่การปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด หลังบริษัทเน็กซ์ พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ของอังกฤษ เปิดเผยยอดขายลดลง และปรับลดคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในปี’ 60 ซึ่งส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$0.93 อยู่ที่ US$53.26 ต่อบาร์เรล ภายใต้คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุดมีแนวโน้มลดลง ประมาณ 1.7 ล้านบาร์เรล และความหวังว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้ โดย (1) ประเทศนอกกลุ่มโอเปก ตกลงลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน และ (2) กลุ่มโอเปก ตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ เมื่อ 1/1/60 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน
ซึ่งคณะกรรมการโอเปกจะประชุมกันเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงของประเทศสมาชิกในวันที่ 21-22 ม.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.81 1.98 3
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 65,154.67
สถาบัน 3,282.93
บัญชีหลักทรัพย์ 111.85
ต่างประเทศ 2,238.50
ในประเทศ -5,633.29
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการ
ฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.45% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.00 อยู่ที่ 11.85
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788