- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 04 January 2017 20:49
- Hits: 1800
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (4/01/60)
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา 'กอง+ต่างชาติ หนุนดัชนี'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายของปี 59 มีแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน เข้ามาตลอดสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศมีแรงซื้อเข้ามาในช่วง 2 วันทำการสุดท้าย โดยกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นตลอดทั้งสัปดาห์ได้แก่กลุ่มเหล็ก (+11%) จากแรงหนุนเรื่องราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจการเกษตร (+5%) กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (+4%) ปิดตลาดวันศุกร์ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.13จุด (+0.3%) มาอยู่ที่ 1,542.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,687 ล้านบาท รวมทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.96 จุด (+2.2%)
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ISM รายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ (PMI) เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 54.7 จุด โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี
(+) Markit รายงาน PMI ภาคการผลิตครั้งสุดท้าย เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 54.3 (เดิม 54.1, 54.2) สูงสุดในรอบ 9 เดือน
(+) วานนี้ในระหว่างวัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นไปยืนเหนือ 55 US/Barrel ก่อนจะปิดลง 2.6%day มาอยู่ที่ 52.33 US/Barrel เนื่องจากค่าเงิน USD แข็งค่าทั้งนี้ตลาดยังคงรอดูการลดกำลังผลิตจากกลุ่ม OPEC
(+) การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน พ.ย. ของสหรัฐ เติบโต 0.9%MoM มาอยู่ที่ 1.18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (สูงสุดในรอบ 10 ปีครึ่ง)
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Roll Coil) ยังแข็งแกร่งมาก ล่าสุดอยู่ที่ 633 US/Tons (+12%MoM, +60%YoY) คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็กทั้งหมด เช่น PERM, PAP, TMT, AMC, MCS
(+) รองนายกฯ สมคิด เรียกประชุมรัฐวิสาหกิจ เพื่อกระตุ้นให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 95% ตามกรอบงบประมาณปี60 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจโตขึ้น 0.3-0.4%
(+) ธปท.ปรับประมาณการตัวเลขส่งออกปี 60 มาที่ 0% จากเดิมลบ 0.5%
(-) ราคาถ่านหิน Newcastle เปลี่ยนสัญญาเป็นเดือน ม.ค. 60 ทำให้ราคาปรับลงมาอยู่ที่ 90.5 US/Tons (-4%Day)
(+/-) Dollar Index (+1.65%MoM,+4.64%YoY) มาอยู่ที่ 103.21
(+/-) สำนักวิจัยเศรษฐกิจภายในและต่างประเทศ ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2560 โตอยู่ในกรอบ 3-4%
(+/-) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินสินเชื่อทั้งระบบของปี 2560 จะเติบโต 4% แบ่งเป็นสินเชื่อรายใหญ่เติบโต 2% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เติบโต 4% สินเชื่อรายย่อย ได้แก่ สินเชื่อบ้านเติบโต 7% สินเชื่อรถยนต์เติบโต 3% สินเชื่อบัตรเครดิตเติบโต 7% และสินเชื่อบุคคลเติบโต 1%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
มีการออกรายละเอียดการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ในวันที่ 5 ม.ค. (ซึ่งล่าสุดเดือน ธ.ค. FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 0.5-0.75% และคาดในระยะกลางอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2%)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การจ้างงานเดือน ธ.ค. ของสหรัฐ (5 ม.ค.), PMI นอกภาคการผลิตสหรัฐ เดือน ธ.ค. (5 ม.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย (5 ม.ค.), ตัวเลขขอรับสวัวดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐ (5 ม.ค.), Stock น้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ (5 ม.ค.), ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของยูโรโซน เดือน ธ.ค. (6 ม.ค.), การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ เดือน ธ.ค. (6 ม.ค.)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม'ขายทำกำไรต่อจากปลายปี'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังจากที่ตลาด loss momentum ของราคาน้ำมัน ประกอบกับคาดว่าจะมีแรงขายจากเม็ดเงิน LTF RMF ที่มักจะมีการขายเมื่อครบกำหนดในช่วงต้นปีกดดัน แนะนำลดน้ำหนักพอร์ต สำหรับกลุ่มพลังงานที่แนะนำเก็งกำไรสั้นมาก่อนหน้าแนะนำขายล็อคกำไร และสะสมกลับเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว การเก็งกำไรสั้นยังคงเน้นกลุ่มที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 4 เช่นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มเหล็ก
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
PAP เก็งกำไร
ได้โมเมนตัมบวกจากราคาเหล็ก Hot Roll Coil ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
คาดผลดำเนินงานจะโดดเด่นในช่วง 4Q59 จากกำไรจากสต็อคสินค้า
ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ PER 8.46 เท่า และ PBV 1.66เท่า
SPA เก็งกำไร
เข้าซื้อหุ้นในกลุ่มบริษัท ไทเกอร์ อายส์ มูลค่าเงินลงทุน 1 ล้านบาท
ได้ประโยชน์จากตรุษจีน และเตรียมเข้าช่วง High Season ในไตรมาส 1
ราคาพื้นฐานปี 60 อิง IAA Consensus ที่ 14.70 บาท/หุ้น
ทีมวิเคราะห์