- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 December 2016 16:05
- Hits: 1803
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เข้าใกล้เป้าหมาย หลังขึ้นมาพอควรแล้ว...น่าแบ่งส่วนทำกำไรบ้าง
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังบวกขึ้นต่อเนื่องได้ตามคาด โดยขยับขึ้นช้าไปบ้างในช่วงครึ่งวันเช้า เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังผันผวนและมีอ่อนตัวให้เห็น แต่ได้ปัจจัยหนุนจากการบวกค่อนข้างแรงของตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ก่อนที่ช่วงครึ่งชั่วโมงท้ายวันจะมีแรงซื้อหนุนมากขึ้นอีก ทำให้ SET ขยับบวกได้เร็วและแรงขึ้น โดยได้แรงซื้อหนุนจากทั้งต่างชาติและสถาบันในประเทศ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เนื่องจาก SET ขยับบวกขึ้นมามากพอควรแล้วในช่วงสัปดาห์นี้ และดัชนีเริ่มเข้าใกล้ระดับดัชนีตามพื้นฐานของปีนี้ที่ FSS ประเมินไว้แถว 1550 จุดแล้วด้วย ในขณะที่ปี 2017 เราประเมินเป้าดัชนีไว้ที่ 1650 จุด บนคาดการณ์ EPS Growth 12% แม้ว่ายังมีโอกาสที่เราจะปรับขึ้นได้ในช่วงถัดไป แต่เบื้องต้นถือว่า upside เริ่มแคบ ขณะที่ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ นักลงทุนบางส่วนอาจขายทำกำไรลดพอร์ตลงบ้าง เพื่อรอดูผลงานของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่อีกครั้ง รวมทั้งต้องระวังแรงขายของ LTF ที่ครบกำหนด ซึ่งคาดว่ามีกำไรพอควร โดยเทียบจาก SET ในช่วงครึ่งหลังของปี 2013 ที่ดัชนีลงไปแกว่งตัวแถว 1300-1400 จุดโดยประมาณ ดังนั้นต้องเริ่มระวังตลาดพักตัว
กลยุทธ์ : FSS จึงแนะนำให้แบ่งส่วนทำกำไรลดพอร์ตลงบ้าง เพื่อเตรียมเงินสดไว้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อใหม่เมื่อตลาดปรับพักในช่วงต้นปีหน้า
แนวรับ 1535-1533 , 1530-1526 จุด
แนวต้าน 1540-1545 , 1550-1555 , 1560 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SC, AUCT, CBG(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$204ล้าน นำโดยไทย US$149ล้าน และเกาหลีใต้ US$114ล้าน ขณะที่ไหลออกไต้หวัน US$49ล้าน และอินโดนีเซีย US$17ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางเบาบางก่อนวันหยุดในเทศกาลปีใหม่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) แนวโน้มกลุ่มไฟแนนซ์ปี 2017 กลุ่มไฟแนนซ์จะยังได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลง เพราะยังมีผลของการ Reprice หุ้นกู้อยู่จำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายสำรองฯน่าจะใกล้เคียงกับปี 2016 แม้ NPL จะยังอยู่ในทิศทางที่ควบคุมได้ แต่สถาบันการเงินส่วนใหญ่ต้องเตรียมสำรองฯเพิ่มเพื่อรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 9 ที่จะเริ่มใช้ปี 2019 ทำให้เราคาดกำไรสุทธิปี 2017 จะ +20% Y-Y ชะลอเล็กน้อยจากปี 2016 ที่คาด +22% Y-Y เราจึงให้น้ำหนัก Neutral แนะนำเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่กำไรโตสูงและมี story เฉพาะตัว Top picks ได้แก่ MTLS (ราคาพื้นฐาน 28.80 บาท), LIT (ราคาพื้นฐาน 14 บาท), KTC (ราคาพื้นฐาน 168 บาท)
(+) ประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเริ่มจะปฎิบัติตามข้อตกลงเรื่องการลดกำลังการผลิต 1 ม.ค. 2017 หนุนราคาน้ำมันในระยะนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้าให้ขยับขึ้น กำลังการผลิตรวมที่จะลดลงมีประมาณ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน (2% ของกำลังการผลิตทั่วโลก) เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้ยืนเหนือระดับ US$60/บาร์เรล เป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นที่จะได้ Stock gains แนะนำ IRPC (ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท) และ BCP (ราคาพื้นฐาน 38 บาท) ราคาหุ้นยังมี upside กว่า 15% มี 2017PE ต่ำ 11 เท่าและ 9 เท่า และให้ Dividend yield 5% และ 4.2% ต่อปี ตามลำดับ (IRPC จ่ายปีละ 1 ครั้ง, BCP จ่ายปีละ 2 ครั้ง) นักลงทุนควรระวังราคาน้ำมันอีกครั้งในวันที่ 13 ม.ค. ที่ OPEC และ Non-OPEC จะนัดประชุมติดตามผลว่าสมาชิกลดกำลังการผลิตตามที่ได้ตกลงกันไว้จริงหรือไม่
(+) PDG มีแนวโน้มกำไร 4Q16 มีโอกาสทำ new high ตามกำลังการผลิตที่สูงขึ้นเกือบแตะ 75% จาก 68% ใน 3Q16 สูงสุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา หนุนโดยคำสั่งซื้อขวดน้ำมันพืชของกลุ่ม TVO และยอดผลิตขวดน้ำดื่มที่สูงเกินคาดจากการได้ลูกค้ารายใหม่ ประกอบกับ PDG บริหารต้นทุน PET ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการสต็อกวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า 2 เดือนที่ราคาต่ำกว่าปัจจุบัน ทำให้เราคาดกำไรสุทธิ 4Q16 ที่ 28 ล้านบาท +22% Q-Q, +24% Y-Y และคาดจ่ายปันผลงวด 2H16 0.20 บาท/หุ้น (Yield 4.8%) แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 5.30 บาท
(+) หุ้นที่เข้าคำนวณ SET50/SET100 เริ่มใช้ 1 ม.ค. 2017 สำหรับหุ้นที่เข้าคำนวณใน SET50 มี GLOBAL, KKP, PTG, SPRC, THAI / ส่วนที่เอาออกมี BEC, MTLS, SAWAD, TASCO, TTW / สำหรับ SET100 หุ้นที่เข้าคำนวณมี BIG, KAMART, SCN, SPRC, SUPER, THANI, TKN, VIBHA / หุ้นที่เอาออกมี ANAN, BJCHI, ERW, GL, JWD, SVI, TRC, WORK
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 ธ.ค. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้
- ไทย:ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
1 ม.ค. - จีน:Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ธ.ค.)
2 ม.ค. - ไทย:Business Sentiment Index (ธ.ค.)
3 ม.ค. - สหรัฐ:ISM Manufacturing (ธ.ค.)
4 ม.ค. - ไทย:เงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Fed Minutes from 13-14 Dec FOMC Meeting
- จีน:Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ธ.ค.)
5 ม.ค. - สหรัฐ:การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.) (ตลาดคาด +1.7 แสนตำแหน่ง ชะลอจากเดือนก่อนที่ +2.16 แสนตำแหน่ง)
6 ม.ค. - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ธ.ค.)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (ธ.ค.)
8 ม.ค. - จีน:ดุลการค้า (ธ.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดอยู่ในแดนลบเล็กน้อยโดยมีแรงขายจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยมีแรงขายจากหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมีความกังวลต่อเสถียรภาพของธนาคารในอิตาลี อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายยังซบเซาเนื่องจากส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายก่อนเทศกาลปีใหม่
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสม โดยตลาดญี่ปุ่นปรับลงแรงเนื่องจากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น
(0) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.81-35.84 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดลบ 0.29 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 53.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก EIA ระบุสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 17.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,158.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch