- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 December 2016 17:18
- Hits: 1412
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 7.52 จุดปิดที่ 1524.60 นำโดยกลุ่มพลังงาน แรงซื้อหลักมาจากสถาบันในประเทศซึ่งได้อานิสงค์จากกองทุน LTF โค้งสุดท้ายของปี 59 โดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2.2 พันล้านบาท ส่วนประเด็นหลักในตลาด ได้แก่
+ มีแรงซื้อจากกองทุน LTF เข้ามาช่วยหนุนตลาดในโค้งสุดท้ายของปี
+ ประเมินดัชนีเป้าหมายปี 60 ไว้ที่ 1570-1620 จุด บนสมมติฐาน EPS Growth ของตลาดหุ้นไทย +2% และ +5% และมี Target P/E อยู่ที่ 15.5 เท่า
+ สำหรับปี 60 หุ้นเด่นกลุ่มปันผลสูง คือ KKP, BCP, LH และ DIF , หุ้น Value Play ที่น่าสนใจทยอยซื้อสะสม ได้แก่ AOT, SCC, CPALL, CPN และหุ้นเติบโตแกร่งในปี 60 เป็น TKN, MTLS, CHG, LPH, WORK, ERW, ANAN, AP
กลยุทธ์ : การซื้อเล่นรอบยังเน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือ/สะสมหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยซื้อลงทุนหุ้นเติบโตแกร่งช่วงราคาปรับฐาน/อ่อนตัว หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น AOT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก/ซื้ออ่อนตัวที่ 1500, 1490 แนวต้านระยะสั้น 1530-1540 การหลุดแนวฟิวเตอร์ 1515 ดูไม่ดี และควรลดพอร์ตตาม
การ SCAN หุ้นพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ KKP, TPOLY, DTAC หุ้นที่ยังอยู่ใน List ได้แก่ SF, GLOBAL, BR, M หุ้นที่หลุด List เป็น TICON
ปัจจัยต่างประเทศ
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ร่วงจากแรงขายทำกำไร
ดัชนี DJIA ปิดที่ 19,833.68 จุด ร่วงลง 111.36 จุด หรือ -0.56% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,438.56 จุด ลดลง 48.88 จุด หรือ -0.89% ดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 2,249.92 จุด ลดลง 18.96 จุด หรือ -0.84% โดยเป็นผลจากแรงขายทำกำไร รวมทั้งตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยออกมาแย่กว่าคาดด้วย
- สหรัฐ : ดัชนีสัญญาขายบ้านรอปิดการขายพ.ย.อ่อนลง
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนพ.ย. -2.5% สู่ระดับ 107.3 ซึ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองปรับตัวสูงขึ้น
+ ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 54.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.58 ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 56.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.58 เพราะตลาดมีความหวังว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบจะลดการผลิตลงตามที่ตกลงกันนับตั้งแต่ 1 ม.ค.60 ไปจนถึงกลางปี 60
ทั้งนี้ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และในการประชุมกลางเดือนธ.ค.59 ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน
• ราคาทองคำ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,140.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• ประเมิน SET Index เป้าหมายปี 60 ไว้ที่ 1570-1620 จุด
# ในกรณี Base Case เราประมาณการ EPS growth ของตลาดหุ้นไทยปี 60 ไว้ที่ +2% (จากที่ +36% ในปี 59 เนื่องจากการฟื้นตัวของกำไรกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และขนส่ง) ยังผลให้ดัชนีเป้าหมายปี 60 ในกรณีนี้จะอยู่ที่ 1570 จุด โดยอิงกับ P/E เป้าหมายที่ 15.5 เท่า (ค่ากลางของ P/E 10 และ 15 ปีย้อนหลัง)
# ส่วนในกรณี Best Case มีสมมติฐาน EPS growth ปี 60 ที่ +5% (กล่าวคือ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดทำให้กลุ่มพลังงานมีกำไรจากสต็อกสูง) ดัชนีเป้าหมายปี 60 จะเพิ่มเป็น 1620 จุด ซึ่งอิงกับ P/E เป้าหมายที่ 15.5 เท่า เช่นกัน
สำหรับหุ้นแนะนำในปี 60 ประกอบด้วย
* หุ้นกลุ่มปันผลสูง หุ้นเด่น คือ KKP, BCP, LH และ DIF
* หุ้นกลุ่ม Value Play ที่น่าสนใจทยอยซื้อสะสม ได้แก่ AOT, SCC, CPALL, CPN
* หุ้นกลุ่มเติบโต เป็น TKN, MTLS, CHG, LPH, WORK, ERW, ANAN, AP
•/+ Window Dressing & แรงซื้อ LTF ปิดงวดสิ้นปี 59
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการซื้อขายปี 59 ซึ่งจะมีแรงซื้อ LTF & RMF โค้งสุดท้าย (ส่วนใหญ่เป็น LTF) เข้ามา รวมถึงมีความหวังว่านักลงทุนสถาบันจะทำราคาปิดสิ้นงวดปี 59 หรือที่เรียกกันว่า Window dressing ซึ่งตามสถิติแล้วเราพบว่าดัชนีตลาดหุ้น (SET) ในเดือนธ.ค.จะมีการปรับขึ้นมากกว่าลดลง เมื่อพิจารณาย้อนหลังไป 15 ปี (ปี 2545-2559) พบว่า SET เดือนธ.ค.ปรับขึ้น 10 ครั้ง ปรับลง 5 ครั้ง โดยในการปรับขึ้นมีอัตราบวกเฉลี่ย 5.9% ต่อครั้ง และการปรับลงมีอัตราลบเฉลี่ย 5.4% ต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม แรงซื้อ LTF ในปี 59 ดูคึกคักน้อยลงเนื่องจากเป็นปีแรกที่จะต้องถือครอง 7 ปีปฎิทิน ทำให้ผู้มีรายได้ที่มีอัตราภาษี 10-15% จะสนใจซื้อกองทุน LTF น้อยลง ขณะเดียวกันผู้ที่มีอายุ 47 ปีขึ้นไปและมีวงเงินซื้อจำกัดก็อาจจะเลือกซื้อ RMF ที่เป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ไปก่อนกรณีมองว่าระดับ SET Index ที่ 1500+ จุดนั้นสูงเกินไป
• January Effect…15 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
จากการศึกษาตัวเลข SET Index ย้อนหลัง 15 ปี เราพบว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.มีการปรับขึ้น 8 ครั้ง และลดลง 7 ครั้ง หรือคิดเป็นโอกาส (Probability) บวก 53% โอกาสลบ 47% และอัตราการบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8% ต่อครั้ง อัตราการลบเฉลี่ย 5.5% ต่อครั้ง ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดัชนีตลาดในเดือนม.ค.ทรงๆ คือ แรงขายทำกำไรLTF ที่ถือครองครบกำหนด
อย่างไรก็ตาม การอ่อนตัวลงของราคาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมี Valuation จูงใจ เป็นจังหวะในการทยอยซื้อสะสม เพราะเรามองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีสเน่ห์เรื่องการเติบโตที่แข็งแกร่งของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง & สม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องในการซื้อขายอยู่ในเกณฑ์ดี
+ AOT (ราคาปิด 394 บาท) : คาดได้รับอนุมัติให้แตกพาร์เป็น 1 บาทเดือนม.ค.60
เราคาดว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้น AOT วันที่ 27 ม.ค.60 จะอนุมัติให้บริษัทแตกพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย ทั้งนี้เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับแนวโน้มผลประกอบการบริษัทในระยะกลาง-ยาว โดยมองว่าธุรกิจมีความมั่นคงสูงเพราะเป็นผู้ประกอบการสนามบินรายเดียวของไทย และมีการขยายกำลังการให้บริการคอขวด ขยายบริการสนามบินดอนเมือง & สนามบินอื่นๆ รวมทั้งอยู่ระหว่างก่อสร้างสุวรรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งจะทำให้มีกำลังการให้บริการเพิ่มขึ้นอีกมากในระยะยาว ผลกระทบจากเหตุการณ์บ้านเมืองและจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญค่อยๆ คลี่คลายลง เราคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) จะเติบโตได้ราว 15% ซึ่งดีขึ้นจากงวดปี 59 (สิ้นสุดก.ย.59) ที่เพิ่มขึ้น 4.5% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 455 บาท (พาร์ 10 บาท)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]