- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 December 2016 16:35
- Hits: 1464
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AP, KSL, Market Outlook
Our Portfolio Dec 2016 : BEAUTY, BEM, CK, HMPRO, MINT
SET ขึ้นมาพอควร อาจมีผันผวนและอ่อนตัวบ้าง แต่ยังลุ้นขึ้นต่อได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังขยับบวกขึ้นได้ดีต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียจะแกว่งตัวผันผวนบ้าง หลังส่วนใหญ่เพิ่งกลับมาเทรดปกติจากช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นไทยยังมีแรงซื้อจากเม็ดเงิน LTF/RMF ช่วยหนุนให้แกว่งตัวด้านบวกได้
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจาก SET ขยับบวกขึ้นมาเกือบ 30 จุดในช่วง 3-4วันที่ผ่านมา ทำให้อาจจะมีจังหวะแกว่งอ่อนตัวให้เห็นบ้าง จากแรงขายทำกำไรช่วงสั้น ประกอบกับเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ได้สดใสนัก จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรง หลังยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ1 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่มีลักษณะแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบแคบเพราะแม้ว่าจะได้แรงหนุนจากการดีดขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ แต่ก็มีแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินของหุ้นกลุ่มแบงก์ อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่ากรอบลบของ SET น่าจะยังค่อนข้างจำกัด เพราะยังมีแรงซื้อLTF/RMF ท้ายปีช่วยหนุนได้บ้าง รวมทั้งราคาน้ำมันโลกก็ยังขยับบวกต่อ
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือต่อ เพื่อรอแบ่งส่วนทำกำไร เมื่อดัชนีขยับขึ้นไปใกล้ระดับดัชนีตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้แถว 1550 จุดต่อไปได้
แนวรับ 1523-1522 , 1520-1516 จุด
แนวต้าน 1526-1528 , 1530-1533 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : DELTA, BCH, BLA(buy back)
Fund Flow เมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$328ล้านเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$165ล้าน ไต้หวัน US$118ล้าน ขณะที่เม็ดเงินไหลออกจากไทย US$8ล้าน และเวียดนาม US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางเบาบางก่อนเข้าช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) แนวโน้มตลาดหุ้นปี 2017 เรามอง SET Index ยังปรับขึ้นได้ เป้า 1,650 จุด บนคาดการณ์ EPS growth 12% (มีโอกาสปรับขึ้น) และ PE 15.5 เท่า แนะนำกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์ ค้าปลีก เกษตร-อาหาร และอสังหาริมทรัพย์ แต่ตลาดน่าจะพักฐานก่อนในช่วงต้นปีต่อเนื่องตลอด 1Q17 เพื่อรอดูผลงานของ Trump เม็ดเงินยังไหลไปตลาดหุ้นสหรัฐ ประกอบกับ upside เพียง 8% จากระดับดัชนีปัจจุบันไม่จูงใจมากนักแต่บรรยากาศตลาดหุ้นไทยจะผ่อนคลายขึ้นตั้งแต่ 2Q17 เพราะการขึ้นดอกเบี้ยของ Fedอย่างเร็วน่าจะเป็น มิ.ย. หลังเห็นตัวเลข GDP 1Q17 ของสหรัฐ และมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง เพราะราคาน้ำมันน่าจะเริ่มจำกัดการขึ้นที่ระดับ US$60-65/บาร์เรล สำหรับการเลือกตั้งในหลายประเทศในยุโรปที่จะจุดกระแส Exit ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ จีนอาจเป็นตัวแปรที่สร้าง surprise ได้มากกว่ายุโรป มองค่าเงินบาทอ่อนอีกเล็กน้อยเป็น 37 บาท/ดอลลาร์สิ้นปีหน้า การไหลออกของเงินทุนไม่รุนแรง และคาดกนง.ตรึงดอกเบี้ย 1.5% ตลอดทั้งปี หุ้นเด่นที่แนะนำได้แก่ BEM, CK, LIT, FN, GFPT, TU, ORI,TISCO
• (+) KSL มีกำไรสุทธิ 4Q16 (ส.ค.-ต.ค.) 811 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส แต่มาจากกำไรพิเศษจำนวนมาก หากดูเฉพาะผลการดำเนินงานปกติ มีผลขาดทุน 20 ล้านบาท(แย่กว่าคาด) จากธุรกิจน้ำตาลและไฟฟ้าที่ลดลงตามฤดูกาล ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2016(สิ้นสุด ต.ค.) -45% Y-Y เรามองว่า KSL ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ผลประกอบการจะturnaround ในปีหน้า คาดกำไร +126% Y-Y จากราคาน้ำตาลที่ปรับสูงขึ้น ธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอลที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ KSL อยู่ระหว่างนำบ.ย่อย ขอนแก่นแอลกอฮอล์ เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ในช่วง 2H17 เรายังคงราคาพื้นฐาน 4.80 บาท แนะนำซื้ออ่อนตัว
• (+) AP แนวโน้มกำไร 4Q16 จะสูงสุดของปีจากคอนโดที่ครบกำหนดโอนถึง 8 โครงการเราคาด +162% Q-Q, +137% Y-Y เป็น 1.2 พันล้านบาท ทำให้กำไรปกติทั้งปี +0.6%Y-Y flat ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่กำไรจะเติบโตในอัตราเร่งขึ้นเป็น +27% Y-Y ในปี 2017ตามการรับรู้รายได้คอนโด 8 โครงการต่อเนื่องจาก 4Q16 และอีก 3 โครงการที่ครบกำหนดโอนปีหน้า ราคาหุ้น +0.7% 4QTD laggard กว่ากลุ่มมาก ทำให้มี 2017PE เพียง7 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 8.4 เท่า และคาด Dividend yield 4% (จ่ายปีละครั้ง) ถือว่าถูกกว่าหุ้นหลายตัวในกลุ่ม เราแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 9 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 ธ.ค. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
1 ม.ค. - จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ธ.ค.)
2 ม.ค. - ไทย: Business Sentiment Index (ธ.ค.)
3 ม.ค. - สหรัฐ: ISM Manufacturing (ธ.ค.)
4 ม.ค. - ไทย: เงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Fed Minutes from 13-14 Dec FOMC Meeting
- จีน: Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ธ.ค.)
5 ม.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.) (ตลาดคาด +1.7 แสน
ตำแหน่ง ชะลอจากเดือนก่อนที่ +2.16 แสนตำแหน่ง)
6 ม.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (ธ.ค.)
8 ม.ค. - จีน : ดุลการค้า (ธ.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบแรงพอควรหลังยอดPending Home Sales ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และนักลงทุนเริ่มคาดหวังน้อยลงว่า DJIA จะทะลุ 20,000 จุดได้ก่อนปีใหม่
(0) ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้บางๆท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางหลังจากหยุดช่วงเทศกาลคริสมาสต์
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังยังไม่สามารถทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 20,000 จุดขึ้นไปได้
(0) ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวที่บริเวณ 36 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.16ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 54.06 ดอลลาร์/บาร์เรล บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และสุงสุดในรอบ 18 เดือน โดยนักลงทุนคาดหวังและจับตาดูว่า OPEC จะลดกำลังการผลิตได้ตามแผนหรือไม่
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 2.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,140.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างไรก็ตามกรอบการบวกของทองคำค่อนข้างจำกัดทั้งจากทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในปีหน้า รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research