- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 December 2016 15:41
- Hits: 2375
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิดขยับขึ้นเล็กน้อย +1.85 จุดที่ 1517.08 การซื้อขายซบเซา นักลงทุน
สถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 1.9 พันล้านบาท นักลงทุนต่างชาติและรายย่อยขายสุทธิ สำหรับประเด็นหลักช่วงนี้ ได้แก่
+ แรงซื้อ LTF โค้งสุดท้าย & Window Dressing…ซึ่งตามสถิติ 15 ปีย้อนหลัง เดือนธ.ค. SET บวกมากกว่าลบ (เทียบ MoM) โดยปรับ
ขึ้น 10 ครั้ง (บวกเฉลี่ย 5.9% ต่อครั้ง) ลดลง 5 ครั้ง (ลบเฉลี่ย 5.4% ต่อครั้ง)
• เดือนม.ค. (January Effect) ตามสถิติ 15 ปีย้อนหลัง SET ปรับขึ้น 8 ครั้งและลดลง 7 ครั้ง หรือคิดเป็นโอกาสบวก 53% โอกาสลบ
47% และอัตราการบวกเฉลี่ย 5.8% ต่อครั้ง และอัตราการลบเฉลี่ย 5.5% ต่อครั้ง)
+ หุ้นเด่นปันผลสูงใน 4 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย TISCO, KKP, BCP, LH และ DIF
+ 4 หุ้น Value Play ที่น่าสนใจทยอยซื้อสะสม ได้แก่ AOT (ผู้ประกอบการสนามบินรายเดียว & จะแตกพาร์ปลายม.ค.60), SCC (การ
ลงทุนโครงการใหญ่ภาครัฐหนุนอุปสงค์ซีเมนต์), CPALL (การเติบโตและการขยายสาขาเป็นไปต่อเนื่อง), CPN (มีรายได้ค่าเช่าที่
แน่นอน และจะมีรายได้จากการขายคอนโดปีละ 2-3 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป)
+ ทยอยซื้อสะสมหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตแกร่งในปี 60 หุ้นเด่นเป็น TKN, MTLS, CHG, LPH, WORK, ERW, ANAN, AP
กลยุทธ์ : การซื้อเล่นรอบยังเน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือ/สะสมหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยซื้อลงทุนหุ้น
เติบโตแกร่งช่วงราคาปรับฐาน/อ่อนตัว หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น KKP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก/ซื้ออ่อนตัวที่ 1500, 1490 แนวต้านระยะสั้น
1520-1530 หรือ 1540 การ SCAN หุ้นพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ GLOBAL, BR, M หุ้นที่ยังอยู่ใน List ได้แก่ SF, TICON หุ้นที่แนะนำ
ไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร คือ SPALI, WICE, SCN, LPH, PYLON, JTS, MAJOR หุ้นที่หลุด List เป็น KAMART, UNIQ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.สหรัฐสูงสุดในรอบ 15 ปี
คอนเฟอร์เรนซ์ บอร์ด (Conference Board) เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของ
สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 113.7 จากระดับ 109.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีเดือนธ.ค.ทำสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี สะท้อน
ให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงาน
• สหรัฐ : ราคาบ้านสหรัฐปรับขึ้นสูงกว่าเงินเฟ้อ หนุนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย
ผลการสำรวจของเอสแอนด์พี/เคส ชิลเลอร์ ระบุว่าราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 5.1% ใน
เดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 5.0%
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : บวกขึ้นเล็กน้อย
ดัชนี DJIA ปิดที่ 19,945.04 จุด เพิ่มขึ้น 11.23 จุด หรือ +0.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,487.44 จุด เพิ่มขึ้น
24.75 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,268.88 จุด เพิ่มขึ้น 5.09 จุด หรือ +0.22% ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจ
สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ปรับขึ้นดี แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบางเพราะนักลงทุนหยุด
ยาว
+ ราคาน้ำมันดิบ : ปิดบวก 1.7%
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตนอกกลุ่ม
โอเปก จะดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.60 ปิดตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับ
สูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.58 และ BRENT เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 56.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ราคาทองคำ : รีบาวด์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิด
ที่ระดับ 1,138.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไรก่อนหยุดยาว สำหรับปัจจัยกระตุ้นราคาทองคำใน
ระยะต่อไป คือ เทศกาลตรุษจีนที่จะมีในช่วงปลายเดือนม.ค.60
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/+ Window Dressing & แรงซื้อ LTF ปิดงวดสิ้นปี 59
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการซื้อขายปี 59 ซึ่งจะมีแรงซื้อ LTF & RMF โค้งสุดท้าย (ส่วนใหญ่เป็น LTF) เข้า
มา รวมถึงมีความหวังว่านักลงทุนสถาบันจะทำราคาปิดสิ้นงวดปี 59 หรือที่เรียกกันว่า Window dressing
ซึ่งตามสถิติแล้วเราพบว่าดัชนีตลาดหุ้น (SET) ในเดือนธ.ค.จะมีการปรับขึ้นมากกว่าลดลง เมื่อพิจารณาย้อนหลัง
ไป 15 ปี (ปี 2545-2559) พบว่า SET เดือนธ.ค.ปรับขึ้น 10 ครั้ง ปรับลง 5 ครั้ง โดยในการปรับขึ้นมีอัตราบวกเฉลี่ย 5.9% ต่อครั้ง และการปรับลงมีอัตราลบเฉลี่ย 5.4% ต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม แรงซื้อ LTF ในปี 59 ดูคึกคักน้อยลง
เนื่องจากเป็นปีแรกที่จะต้องถือครอง 7 ปีปฎิทิน ทำให้ผู้มีรายได้ที่มีอัตราภาษี 10-15% จะสนใจซื้อกองทุน LTF
น้อยลง ขณะเดียวกันผู้ที่มีอายุ 47 ปีขึ้นไปและมีวงเงินซื้อจำกัดก็อาจจะเลือกซื้อ RMF ที่เป็นกองทุนประเภทตรา
สารหนี้ไปก่อนกรณีมองว่าระดับ SET Index ที่ 1500++ จุดนั้นสูงเกินไป
• January Effect…15 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
จากการศึกษาตัวเลข SET Index ย้อนหลัง 15 ปี เราพบว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.มีการปรับขึ้น 8 ครั้ง
และลดลง 7 ครั้ง หรือคิดเป็นโอกาส (Probability) บวก 53% โอกาสลบ 47% และอัตราการบวกเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8%
ต่อครั้ง อัตราการลบเฉลี่ย 5.5% ต่อครั้ง ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดัชนีตลาดในเดือนม.ค.ทรงๆ คือ แรงขายทำกำไร
LTF ที่ถือครองครบกำหนด
อย่างไรก็ตาม การอ่อนตัวลงของราคาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมี Valuation จูงใจ เป็นจังหวะในการทยอยซื้อ
สะสม เพราะเรามองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีสเน่ห์เรื่องการเติบโตที่แข็งแกร่งของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก อัตรา
ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง & สม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องในการซื้อขายอยู่ในเกณฑ์ดี
+ คาดใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ (ระกา) เม็ดเงินสะพัด 1.5 แสนล้านบาท (+7.2%YoY)
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผล
สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,223 ตัวอย่างทั่วประเทศ
ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 129,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4%YoY แต่เป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี อย่างไรก็ดีถ้ารวมผล
จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งมาตรการช็อปช่วยชาติ และมาตรการเที่ยวช่วย
ชาติ คาดว่าจะมีเงินจากการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 20,700 ล้านบาท ทำให้คาดว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่น่าจะมีเม็ดเงิน
สะพัดรวม 150,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.21%YoY
• พ.ร.บ.ล้มละลายใหม่จะให้ตามทรัพย์ลูกหนี้ที่อยู่นอกประเทศมาชดใช้ด้วย
ทางการไทยจะคลอดพ.ร.บ.ล้มละลายฉบับใหม่ ปลดล็อกการติดตามทรัพย์นอกประเทศของลูกหนี้มาชดใช้คืนหนี้
ย้อนเกล็ดพวกทำผิดต่อรัฐแล้วไซฟ่อนเงินไปซ่อนไว้ต่างประเทศ ยันไม่รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมาย เร่งให้กฎมีผลบังคับใช้ภายในมิ.ย.2560