- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 December 2016 15:10
- Hits: 1162
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
บวกต่อ ยังคงหนุนโดยแรงซื้อโค้งสุดท้ายจากฝั่งในประเทศ
KGI คาด SET วันพุธปรับขึ้นเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน หนุนโดยแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศ (วานนี้ดัชนีฯ บวกแคบๆ ตามคาด) แรงซื้อกองทุน LTF โค้งสุดท้าย ผนวกกับแรงซื้อหุ้นปิดงวดบัญชีไตรมาส 4/2559 น่าจะมีต่อในช่วง 3 วันทำการที่เหลือของปี 2559 เนื่องจากแนวโน้ม SET น่าจะยืนได้ค่อนข้างแน่นอนแล้วสำหรับสัปดาห์นี้ ขณะที่ข้อมูลจาก Morningstar Thailand ชี้ว่ากองทุนรวมจำนวนไม่น้อยมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าดัชนีฯ ส่งผลให้มีแรงกระตุ้นให้ต้องทำราคาปิดงวดพอสมควร ทั้งนี้ในเดือนนี้ สถาบันเพิ่งซื้อสุทธิไป 3.75 พันล้านบาท ถือว่าต่ำมากเทียบกับค่าเฉลี่ยเดือน ธ.ค. ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ด้านปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นหลักเปิดทำการหลังหยุดเทศกาลคริสต์มาส ซื้อขายในกรอบแคบๆ ขณะที่ตลาดน้ำมันรีบาวด์เล็กน้อย หลังตลาดมองว่าการเริ่มลดปริมาณผลิตของทั้งกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร UNIQ*, TPBI, AOT*
UNIQ* (เป้าพื้นฐาน 23.3 บาท) 1) วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหุ้น UNIQ (Initiate coverage) โดยประเมินแนวโน้มกำไรใน 1 – 2 ปีข้างหน้า จะเติบโต 17 – 20% ต่อปี จากแนวโน้มอุตสาหกรรมฯรับเหมาก่อสร้างที่เป็นขาขึ้น ... อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์วันนี้ 2) ประเมินแนวรับ 19.3 บาท และ 19.0 บาท แนวต้าน 20.1 บาท และถัดไปที่ 20.7 บาท
TPBI (เป้า Consensus 16.2 บาท) 1) จากบทวิเคราะห์แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของฝ่ายวิจัยฯวานนี้ ราคาเม็ดพลาสติก (อาทิ PE, HDPE) ยังทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องจาก 3Q59 (ล่าสุด HDPE 1,170 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน เทียบค่าเฉลี่ย 1,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตันใน 3Q59) แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นแรงก็ตาม ทำให้คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q59 ยังได้อานิสงส์ต้นทุนเม็ดพลาสติกราคาต่ำ (บวกต่ออัตรากำไร) 2) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง เป็นผลบวกโดย TPBI มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก >60% 3) Valuation ไม่แพง PE ปีนี้ 14.4 เท่า ปีหน้า 12.6 เท่า (ข้อมูลจากบทวิเคราะห์ IPO ของฝ่ายวิจัยฯ) 4) ประเมินแนวรับ 14.7 บาท แนวต้านแรก 15.7 บาท หากทะลุผ่านได้แนวต้านได้ ประเมินแนวต้านถัดไป 16.3 บาท ... ลุ้นแรง Window dressing โดยล่าสุด บลจ บัวหลวง ถือหุ้น 10.04% (บลจ บัวหลวง ซื้อเพิ่มแตะระดับ 10.04% วันที่ 17 ต.ค.59)
AOT* (เป้าพื้นฐาน 454 บาท) 1) เราประเมินเป็นหุ้น Big cap ที่มีโอกาสถูกทำ Window dressing 2) ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 27 ม.ค.60 อนุมัติการแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท 3) ประเมินผลกระทบจากการปราบทัวร์ผิดกฏหมาย สะท้อนในราคาหุ้นที่ปรับลงก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ภาครัฐฯใช้มาตรการลดค่าธรรมเนียมวีซ่า (เน้นนักท่องเที่ยวจีน) ช่วยจำกัดความเสี่ยงจากผลกระทบเรื่องการปราบทัวร์ผิดกฏหมาย 4) ประเมินแนวรับ ±390 บาท / แนวต้าน 400 บาท และถัดที่ 408 บาท (Stop loss 387 บาท)
หุ้นในกระแส
หุ้นเข้า SET50 / SET100 สำหรับ 1H60
SET50: THAI*, GLOBAL*, KKP*, PTG*, SPRC*
SET100: KAMART, SCN, TKN, VIBHA, THANI, SCN, SPRC และ SUPER
สัปดาห์สุดท้ายรับ Window dressing: เราประเมินหุ้น Big cap ที่มีโอกาสถูกทำ Window dressing ช่วงปิดงวดบัญชี อาทิ AOT*, BJC*, SCB* เป็นต้น
หุ้นกลุ่มค้าปลีก (COM7*, ROBINS*, FN) มาตรการ “ช้อบช่วยชาติ” เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกอาทิ COM7*, ROBINS*, FN
หุ้นมีข่าว
(+) นายกฯ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีน้ำเงินจำนวน 1 สถานี (เดอะ เนชั่น) ข่าวดังกล่าวเป็นบวกต่อ BEM* ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนแรก (IBL) ซึ่งการเชื่อมต่ออีก 1 สถานี จะทำให้เกิดโอกาสในการได้จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เข้ามาจากสายสีม่วงในอนาคต เนื่องจากความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สายเข้าด้วยกันในเดือน ก.ย.60 เรายังแนะนำถือ โดยมีราคาเป้าหมายเท่ากับ 7.48 บาท แต่ BEM ยังมีโอกาสได้มูลค่าเพิ่มอีกประมาณ 1.2 บาท/หุ้น หากบริษัทได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยาย (BLE) ในอนาคต
(+) PERM-AMC ฉายแววเด่น ขานรับราคาเหล็กขาขึ้น (ทันหุ้น) หุ้นเหล็กพาเหรดยกแผง PERM-AMC-CSP-TMT-PAP-SAM แรงเก็งกำไรผลงานไตรมาส 4/2559 สุดพีค คาดกำไรเติบโตร้อนแรง จากฐานที่ต่ำในปีก่อน รับอานิสงส์มาตรการ AD เหล็ก และราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น จับตาราคาเหล็กปี 2560 อยู่ในช่วงขาขึ้น ตามอุตสาหกรรมเหล็กที่คาดว่าจะเติบโต 10%
(+) ERW* แตกเชน เจาะนักเที่ยวสูงอายุ-มิลเลนเนียลดันยอด (โพสต์ทูเดย์) "เอราวัณ" พร้อมมองตัวเลือกแบรนด์ใหม่เชนอินเตอร์ มาใช้รองรับขยายฐานลูกค้าใหม่ นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนพิจารณาเลือกแบรนด์โรงแรมใหม่ๆ ที่เครือโรงแรม (เชน) ระดับนานาชาติเพิ่งเปิดตัว นอกเหนือจากแบรนด์โรงแรมที่บริษัทเคยเลือกใช้อยู่แล้ว เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบันฐานลูกค้าท่องเที่ยวขยายออกไปมาก มีกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น กลุ่มคนอายุน้อยที่เดินทาง และกลุ่มมิลเลนเนียล (อายุ 20-34 ปี) ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากนักท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ แต่ละกลุ่มอายุชื่นชอบรูปแบบโรงแรมที่ต่างกัน
(-) กลต.ถกแก้หนี้ตั๋วบีอี IFEC* (โพสต์ทูเดย์) ก.ล.ต.เรียกเจ้าหนี้ตั๋ว บี/อี-หุ้นกู้ IFEC ประชุมหาแนวทางรับมือหลังถูกเบี้ยวหนี้ จี้จัดประชุมผู้ถือหุ้นตั้งบอร์ด สะสางปัญหา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เรียกประชุมเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงิน (บี/อี) ของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 เพื่อร่วมหารือหลังจากบริษัท IFEC ได้ผิดนัดชาระหนี้ตั๋วบี/อีที่เสนอขายให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา และจะมีตั๋วบี/อีทยอยครบกำหนดในสัปดาห์แรกของปี 2560
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
TNR (เป้า Consensus 20.26 บาท ... คาดมีโอกาสปรับขึ้น) ประเมินแนวต้าน 32 บาท หากทะลุผ่านได้แนะนำ “Let profit run” หากยังไม่สามารถผ่านได้ อาจพิจารณา “ขายล๊อกกำไร” รอซื้อแนวรับ 29.75 บาท ... ประเมินได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน + 4Q เป็น High season + คาดกำไรปีหน้าโตเด่นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น (โรงงานที่หยุดผลิตในปีนี้กลับมาผลิต ด้วยกำลังการผลิต +30% … รายได้โต + ไม่ต้องแบกค่าเสื่อมราคาโรงงงานที่หยุดการผลิตไปแบบในปีนี้)
KSL (เป้าพื้นฐาน 5.4 บาท ... เป็นเป้าฯแบบอนุรักษ์นิยม ใช้ PE เฉลี่ย) ประเมินรูปแบบราคาพักฐานเสร็จ มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 6 บาท แนวรับ 5.25 บาท (สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อบริเวณ 4.9 บาท ตามที่เราแนะนำก่อนหน้า กำหนดจุดขายล๊อกกำไร Trailing stop ถ้าต่ำกว่า 5.05 บาท) ... ในกรณีที่แนวโน้มอุตสาหกรรมฯเป็นขาขึ้น มีโอกาสที่หุ้น KSL จะเทรดในระดับ PE ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยในเบื้องต้น หากอิง PE ที่ 20 เท่า (คิดเป็นเพียง +0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ย) จะได้เป้าพื้นฐาน 6.4 บาท (ยังมี Upside 17.4%) ... ฝ่ายวิจัยฯประเมิน EPS ปี 2560 = 0.32 บาท/หุ้น
COM7* (เป้า Consensus 14.1 บาท ... สูงสุด 17.5 บาท) ประเมินแนวรับ 12.8 บาท แนวต้าน 13.8 บาท และถัดไปที่ 14.8 บาท (สำหรับนักเก็งกำไรสั้นกำหนด Stop loss 12.6 บาท) ... ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าไอทีปีหน้าจะเป็นขาขึ้นจาก i) เลิกสงครามราคาระหว่างร้านค้าปลีกสินค้าไอที ii) โครงการ “อินเตอร์เนตประชารัฐฯ” จะสร้างดีมานด์ความต้องการคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
NYT (เป้า Consensus 17.2 บาท) ประเมินแนวรับ 13.9 บาท แนวต้านแรก 14.6 บาท หากผ่านได้ประเมินต้านถัดไปที่ 15.0 บาท และ 15.5 บาท (Stop loss 13.6 บาท) ... ประเมินการส่งออกรถยนต์จะฟื้นตัวในปี 2560 จาก เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และตะวันออกกลางราคาน้ำมันฟื้นตัวแรง
ASEFA (เป้า Consensus 8.9 บาท) ประเมินแนวรับ 7.4 บาท แนวต้าน 7.8 บาท (Stop loss 7.2 บาท) ... คาดกำไร 4Q59 ลุ้นทำนิวไฮ จากเป็น High season และไม่มีเรื่องราคาเหล็กลดลงมาถ่วงผลการดำเนินงาน (ปีที่แล้วบันทึกด้อยค่าราคาเหล็กจากการรื้อถอนโรงไฟฟ้า)
VGI* (เป้า Consensus 4.98 บาท ... สูงสุด 5.5 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุด Trailing stop 5.40 บาท ... ประเมินแนวโน้มการบริโภคในประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะช่วงปลายปี จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐฯ และการกระตุ้นการท่องเที่ยว
THAI* (เป้าสูงสุด Consensus 34 บาท) พิจารณาที่แนวต้านเส้นเทรนไลน์ขาลง 23 บาท หากทะลุผ่านได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 25 บาท (โดยจะยืนยันว่าพ้นแนวโน้มขาลงได้ หากยืนเหนือแนว CBL: Count Back Line 23.5 บาท) ถ้ายังไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าวประเมินแนวรับ 22.5 บาท ... Cabin factor เดือน ต.ค. – พ.ย. ยังเติบโต YoY ไม่ได้ผลกระทบจากการปราบทัวร์ผิดกฏหมาย
TRC* (เป้าสูงสุด Consensus 1.8 บาท) เริ่มสร้างฐานราคาที่ 1.41 บาท แนะนำ “ทยอยสะสม” ... คาดอยู่ระหว่างรอการเปิดประมูลท่อส่งก๊าซของ PTT* (ท่อก๊าซเส้นที่ 4 มูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท) + การปลดล๊อกการลงทุนเหมืองแร่โปแตซ (APOT) ภายใน 1Q60 ปลดล๊อกการปล่อยสินเชื่อเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ (มูลค่าลงทุนงานโครงสร้างเหมืองฯราว ±3.5 หมื่นล้านบาท)
ITEL (เป้าสูงสุด Consensus 15 บาท) ยืนเหนือ 10.8 บาทได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัว ทดสอบแนวต้าน 11.6 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
UNIQ* แนะนำ “ซื้อ” (Initiate coverage) เป้าพื้นฐาน 23.3 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มกำไร 1 – 2 ปีข้างหน้ายังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง โตเฉลี่ย 17 – 20% ต่อปี จากภาพรวมอุตสาหกรรมฯรับเหมาก่อสร้างที่เป็นขาขึ้น จากการลงทุนภาครัฐฯ ขณะที่โครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่พึ่งพาผู้รับเหมาช่วงในระดับที่น้อยกว่าผู้รับเหมาก่อสร้างหลักรายอื่น เป็นปัจจัยที่ทำให้ UNIQ สามารถคุมเรื่องของอัตรากำไรได้ดี
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1514 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1514 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1514-1531 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1514 จุดนั้น อาจทรงราคาในกรอบ 1514-1505 จุด
แนวรับวันนี้: 1514/1509 แนวต้านวันนี้: 1522/1528
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]