- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 December 2016 16:55
- Hits: 1234
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
การรับความเสี่ยงในการลงทุนลดลงก่อนถึงช่วงสัปดาห์เทศกาลปีใหม่
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางทั่วทั้งโลกเนื่องในวันหยุด Boxing Day และวันคริสต์มาส โดยนักลงทุนจะไม่รับความเสี่ยงมากนักในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีก่อนถึงช่วงวันหยุดยาว มองตลาดได้แรงหนุนส่วนหนึ่งจากปัจจัยในประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นบวก โดยกระทรวงพาณิชย์ล่าสุดมีมุมมองเชิงบวกต่อภาคการส่งออกว่าจะฟื้นตัวในกรอบ 2.5-3.5% ในปีหน้า ขณะที่ธปท. มองเศรษฐกิจปีหน้ามีโอกาสขยายตัวได้มากกว่าที่คาดไว้ที่ 3.2% นอกจากนี้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ถึง 32% YoY ถือเป็นความคืบหน้าเชิงบวกอย่างมาก
หุ้นเด่นวันนี้: CHG (ราคาปิด 2.82 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 3.40 บาท)
เราคาดว่าการเติบโตของ บมจ. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จะยังคงดำเนินต่อไป หนุนโดยการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลในอนาคตและความต้องการอย่างต่อเนื่องของบริการทางการแพทย์ โครงการโรงพยาบาลใหม่ของ CHG ประกอบด้วย โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และโรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปี 61 นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการขยายพื้นที่โรงพยาบาลเดิม ได้แก่ โรงพยาบาลชลเวชและโรงพยาบาลจุฬารัตน์ระยอง โครงการทั้งหมดนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนเตียงให้บริษัทเป็น 880 เตียง จากปัจจุบัน 582 เตียง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้มากขึ้น
อีกทั้ง จากการที่ CHG มีฐานอยู่ในภาคตะวันออก เรามองว่าบริษัทอาจได้รับประโยชน์จากโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของรัฐใน 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจและนิคมอุตสาหกรรมจากโครงการดังกล่าวน่าจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการให้แก่บริษัทเช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว การที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุน่าจะเป็นอีกปัจจัยบวกหนึ่งสำหรับ CHG ในระยะยาว เราประมาณการอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 58 - 61 ของรายได้จากกิจการโรงพยาบาลว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 17.2% เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตที่ 8.1% ในปี 59 และ 16.0% ในปี 60 Price Pattern ของ CHG ยังคงมีแนวโน้มหลักที่อยูในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่เท่านั้น โดยหาก Price Pattern ของ CHG สามารถปิดตลาดได้ที่ 2.84 บาทเป็นอย่างน้อย ก็จะทำให้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าการปรับฐานระยะสั้นที่ผ่านมาได้จบลงแล้ว เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ CHG ระยะสั้นมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 2.86 บาท และหาก CHG สามารถปิดตลาดเหนือ 2.86 บาท จะมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 3.04 บาท ตามลำดับ (Resistance: 2.84, 2.86, 2.88; Support: 2.80, 2.78, 2.76)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ:
- พาณิชย์มองส่งออกปี 60 โต 3.5% โดยคาดว่าจะเติบโตระหว่าง 2.5-3.5% หนุนโดยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันเงินเฟ้อก็อยู่ที่ระดับ 1.5-2% ปีหน้า (The Nation)
- กรมการค้าต่างประเทศมองผลกระทบน้อยจาก GSP ญี่ปุ่นหมดอายุ มีสินค้าเพียง 14 รายการที่จะได้รับผลกระทบจากระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของญี่ปุ่นที่จะหมดสิ้นใน เม.ย. ปีหน้า ขณะเดียวกัน ก.พาณิชย์กำลังดำเนินการเรื่องความตกลงการค้าเสรีไทยญี่ปุ่น (JTEPA) เพื่อบรรจุสินค้าเหล่านี้ในข้อตกลงด้วย ซึ่งถ้าสำเร็จในปีหน้าก็จะลดความสูญเสียส่วนนี้ได้ (Bangkok Post)
- ธปท. มองจ GDP อาจโตได้มากกว่า 3.2% ปีหน้า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า GDP ไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.2% จากปัจจัยสนับสนุนของโครงการลงทุนของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (Bangkok Post)ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกที่ดีกว่า ธปท. เล็กน้อย โดยเชื่อว่า GDP จะสามารถขยายตัวได้ในระดับ 3.5%
- รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) รายงานการเบิกจ่ายลงทุนรัฐวิสาหกิจในเดือนพ.ย. 2559 พบว่าเบิกจ่ายได้ 2.6 หมื่นลบ. ขยายตัว 36% YoY เมื่อรวม 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 พบว่ามีการเบิกจ่าย 4.27 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 32% YoY ทั้งนี้คาดทั้งปีปฏิทิน 2559 จะสามารถเบิกจ่ายได้ 2.4 แสนลบ. ขณะที่ตั้งเป้างบลงทุนปีหน้าอยู่ที่ 3.7 แสนลบ. ด้วยเป้าหมายการเบิกจ่ายที่ 95% (Bangkok Post/ แนวหน้า)
ต่างประเทศ:
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันศุกร์ แกว่งตัวอยู่ราว 0.50% ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีในสัปดาห์ก่อน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 5.0% นับแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย (Reuters)
- ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมีความเคลื่อนไหวน้อยในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส ตลาดพันธบัตรมีปฏิกริยาเพียงเล็กน้อยต่อข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนธ.ค. ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีล่าสุดเพิ่มขึ้น 4/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.54% ลดลงจากที่ระดับ 2.55% เมื่อวันพฤหัส ตลาดพันธบัตรปิดทำการเร็วกว่าปกติ ณ เวลา 14.00 น. (EST) หรือ 19.00 GMT เมื่อวันศุกร์และปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส (Reuters)
สหรัฐ:
- ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ โดยมีแนวโน้มเป็นบวกเนื่องจากการที่นักลงทุนมองบวกเกี่ยวกับนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจของทรัมป์จะยังทำให้มีแรงซื้อหุ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายเบาบางก่อนถึงวันหยุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ หุ้นกลุ่มค้าปลีกดิ่งลง หลังจากซีเอ็นเอ็นรายงานว่าทีมเปลี่ยนผ่านของทรัมป์ กำลังพิจารณากำหนดภาษีนำเข้าสูงสุดถึง 10% (Reuters)
- ยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 592,000 ยูนิต โดยเพิ่มขึ้น 5.2% MoM ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นครั้งที่สองนับแต่ปี 2007 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยว ซึ่งคิดเป็น 9.5% ของยอดขายบ้านทุกประเภทจะเพิ่มขึ้น 2.1% สู่ระดับ 575,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. ยอดขายดังกล่าวเพิ่มขึ้น 16.5% จาก 1 ปีก่อน (Reuters)
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคใกล้แตะระดับ 13 ปีในเดือนธ.ค. หนุนความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังเติบโตต่อในปีหน้า มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98.2 จาก 98 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนม.ค. 2004 (Reuters)
ยุโรป:
- ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ทรงตัว โดยตลาดจับหาไปที่หุ้นกลุ่มธนาคาร ได้แก่ Deutsche Bank และ Credit Suisse ในประเด็นการเจรจากับสหรัฐฯ ในกรณีการออกขายหลักทรัพย์สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่นำไปสู่วิกฤติทางการเงินเมื่อปี 2551 ขณะที่ธนาคาร Monte dei Paschi ล่าสุดยินยอมรับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลอิตาลี (Reuters)
- Deutsche Bank ตกลงจ่ายค่าปรับ 7.2 พันล้านดอลลาร์ฯ ให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในกรณีการออกขายหลักทรัพย์สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่นำไปสู่วิกฤติทางการเงินเมื่อปี 2551 เช่นเดียวกับ Credit Suisse ที่ตกลงจ่ายค่าปรับ 5.3 พันล้านดอลลาร์ฯ ในกรณีเดียวกัน ขณะที่ RBS อยู่ในระหว่างการสืบสวนขั้นสุดท้าย เบื้องต้นคาดว่าอาจจ่ายค่าปรับน้อยลง ในส่วนของ Barclays มีโอกาสที่จะโดนฟ้องร้องน้อยที่สุดในบรรดาธนาคารทั้งหลาย (Reuters)
- รัฐบาลเตรียมเข้าช่วยเหลือธนาคาร Monte dei Paschi วงเงินความช่วยเหลือ 2.0 หมื่นล้านยูโร หลังจากแผนเพิ่มทุนไม่ประสบความสำเร็จ (Reuters)
เอเชีย:
- ผู้กำหนดนโยบาย BOJ ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ธนาคารกลางกำหนดขนาดของการซื้อพันธบัตรภายใต้กรอบใหม่ของเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย จากการทบทวนรายงานการประชุมวันที่ 1 พ.ย.59 เน้นที่ความท้าทายของแนวทางนโยบายที่ซับซ้อน โดย BOJ เปลี่ยนเป้าหมายจากการพิมพ์เงินกับอัตราดอกเบี้ยภายใต้กรอบการทำงานใหม่ที่นำมาใช้ในเดือนกันยายน จากการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ลบ 0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ร้อยละศูนย์ (Reuters)
- ทางการจีนประท้วงไต้หวันในการเรียกเก็บเงินป้องกันประเทศของสหรัฐฯ: รัฐบาลจีนได้ยื่นข้อเสนอกับสหรัฐหลังจากที่ประธานาธิบดีบารักโอบามาลงนามในกฎหมายว่าด้วยการเรียกเก็บเงินนโยบายการป้องกันประเทศของสหรัฐที่แสดงให้เห็นแผนการที่จะดำเนินการแลกเปลี่ยนทางทหารระดับสูงกับเขตปกครองตนเองของไต้หวัน (Reuters)
- เมืองซูโจวกล่าวว่าในวันอาทิตย์ว่าจะระงับการค้าสัตว์ปีกที่มีชีวิต ด้วยความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน หลังจากที่จังหวัดใกล้เคียงรายงานกรณีของการติดเชื้อไข้หวัดนกในมนุษย์ ซูโจวเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองในจังหวัดทางทิศตะวันออกของมณฑลเจียงซูจะหยุดการซื้อขายของสัตว์ปีกที่มีชีวิตตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน (1600 GMT) หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตสองคนจากไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ในประเทศจีนในช่วงฤดูหนาวนี้ เป็นการเสียชีวิตครั้งแรกหลังจากที่มีเจ็ดรายพบการติดเชื้อ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์:
- น้ำมันดิบสหรัฐลบวันศุกร์ ก่อนวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาสและปีใหม่และตลาดดูว่าผู้ผลิต OPEC จะบริหารจัดการลดกำลังการผลิตอย่างไร ในขณะที่ลิเบียยังคาดว่าจะผลิตเพิ่มอีก 2.72 แสนบาร์เรลต่อวัน และตลาดยังให้น้ำหนักกับการที่ US Strategic Petroleum Reserve (SPR) อาจมีโอกาสขายในช่วงต้นของ ม.ค. โดย Poten & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานและคลังน้ำมันได้กล่าวว่า SPR อาจมีการปล่อยน้ำมันดิบสำรองออกมาจากคลังประมาณ 190 ล้านบาร์เรลระหว่างปี 60 น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าส่งมอบ ก.พ. ลบ 16 เซนต์หรือ -0.3% ปิด 54.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบปิดลบ 22 เซนต์ต่อบาร์เรล (-0.4%) อยู่ที่ 52.73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
- ราคาทองคำบวกวันศุกร์เพราะดอลลาร์ถอยกลับจากจุดสูงสุดรอบ 14 ปี ดึงดูดให้ผู้ซื้อบางรายฉวยจังหวะที่ราคาถูกหลังราคาปรับลดลงมา 6 สัปดาห์ติด ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.32% ปิดที่ 1,132.24 ดอลลาร์สหรัฐ แต่รายสัปดาห์ก็ยังปิดลบ ทำให้ปรับลงแล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ราคาทองคำล่วงหน้าเดือน ก.พ. บวก 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ที่ 1,133.60 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094