- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 December 2016 17:26
- Hits: 3141
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> CK, CPALL, FN
Stock S R Comment
CK 30.00 31.00 รอรับงานวางระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายราว 2.5 หมื่นล้านบาท
CPALL 61.00 62.50 ขยายสาขาตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภค พร้อมแรงหนุนจากนโยบายรัฐกระตุ้นการท่องเที่ยวและการจับจ่าย
FN 8.00 8.60 หยุดยาวไปเที่ยว แวะช้อปปิ้งที่ FN กัน
2017 : Stick with Global Exposure
วันนี้เราออกบทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ "2017: Stick with Global Exposure" ประเมิน SET Index ในปี 2560 จะแกว่งตัวในกรอบ 1350-1620 จุด และมีความเสี่ยงในกรอบทางลงมากกว่าทางขึ้น โดยมีธีมการลงทุนที่น่าสนใจอยู่ 7 ธีมต่อไปนี้
1) คาดการณ์การปรับตัวที่ดีของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้เงินดอลลาร์สหรัฐฯจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นก็ตาม แนะนำ Overweight สินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งกลุ่มพลังงาน โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร
2) ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังเริ่มเข้าสู่กระบวนการถอดถอนสภาพคล่อง จึงคาดว่าในช่วงถัดไปสกุลเงินของประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา
3) ปัจจัยเสี่ยงทางด้านการเมืองในยุโรป รวมไปถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายต่างๆมีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้น ด้วยเหตุนี้การถือตราสารจำพวก Safe Haven ในพอร์ทโฟลิโอ อาทิทองคำ จึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจ
4) คาดการณ์ระดับอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันดิบจะปรับตัวเข้าสู่สมดุลมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ค่าเฉลี่ยของราคาน้ำมันดิบในปี 2560 อยู่สูงกว่าปี 2559 ดังนั้นสำหรับกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ มองว่ากลุ่มพลังงานยังคงมีปัจจัยกระตุ้นที่น่าสนใจกว่า กลุ่มธนาคารฯ และกลุ่มค้าปลีก ด้วยกัน
5) คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะมีส่วนร่วมลดลงในตลาดหุ้นไทย ตามแนวโน้มการไหลกลับของกระแสทุนสู่ประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยเหตุนี้หุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็ก (Non SET50) มีโอกาสที่จะปรับตัว Outperform หุ้นขนาดใหญ่ได้เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน
6) ในภาวะการปรับตัวสูงขึ้นของ Bond yield ทั่วโลก คาดว่าตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญกับปรากฏการณ์ PE Contraction ซึ่งถือเป็นปัจจัยจำกัด Upside ดัชนีที่สำคัญ ทั้งนี้ ประเมินว่าหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบได้แก่ หุ้นปันผล และหุ้นที่ซื้อขายที่ระดับ PE สูงๆแต่ไม่มีอัตราการเติบโตของกำไรรองรับ
7) เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงขาลงสูงขึ้น จาก I) การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวที่กินเวลานานกว่าคาด II) การส่งออกที่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และ III) การบริโภคภาคเอกชนที่อาจชะลอตัว จากการที่ประชาชนได้มีการดึงอุปสงค์มาใช้ในช่วงปลายปี 2559 แล้ว
จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและระดับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ประกอบกับแนวโน้มเงินบาทที่อาจอ่อนค่าเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินของประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้เราประเมินว่ากลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่น่าสนใจสำหรับปี 2560 ได้แก่การ Overweight กลุ่มหุ้นที่อิงกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก อาทิ กลุ่มโภคภัณฑ์และกลุ่มส่งออก เป็นต้น สำหรับกลุ่มหุ้นในประเทศหรือกลุ่ม Domestic play นั้น มองว่าหุ้นที่อิงกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนชัดเจนที่สุดในช่วงถัดไป
ในระยะสั้น ด้วยระดับ SET Index ปัจจุบันที่มีความเสี่ยงในกรอบทางลงมากกว่าทางขึ้น แรงไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนดอายุที่รออยู่ในช่วงต้นปี 2560 และสภาพคล่องทั่วโลกที่มีแนวโน้มลดทอนลง แนะนำให้นักลงทุนพยายามรอจังหวะให้ดัชนีมีการปรับฐานก่อนที่จะเข้าสะสมหุ้น ประเมินกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและ Top pick ในแต่ละกลุ่มสำหรับการลงทุนในปี 2560 ดังนี้
1) กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ได้แก่ PTT, IVL
2) กลุ่มธุรกิจการเกษตร ได้แก่ BRR, STA
3) กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ CPF, TU
4) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ SMT, SVI
5) กลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ CK, SEAFCO
แนวรับ 1,497 แนวต้าน 1,513
บทวิเคราะห์วันนี้
TISCO (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 65 บาท) ซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อย หนุนการเติบโต-ต่อยอดธุรกิจ
Today's Event
AU เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (725mn sh @ Bt.4.50) ตลาด MAI
นักวิเคราะห์ :
ดุลเดช บิค, CFA, FRM, CAIA (ID: 29932) E-mail: [email protected]
ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379) E-mail: [email protected]