- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 December 2016 17:40
- Hits: 947
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
เป็นไปได้ที่ SET Index จะถูกดดันจากแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าแรงซื้อจากสถาบันในประเทศ และโอกาสที่จะเกิด Window Dressing จะทำให้ Downside จำกัด กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นกลุ่มรับเหมาฯ อย่าง CK และ UNIQ ขณะที่ธุรกิจการส่งออกอาหารก็น่าสนใจเพิ่มขึ้น เลือก GFPT(FV@B19) เป็น Top Pick
(0) กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 13
ผลประชุม กนง. วานนี้ เป็นไปตามที่คาดคือ ยังคงดอกเบี้ยฯที่ 1.5% ตามเดิม (ติดต่อกัน 13 ครั้ง ตั้งแต่ เม.ย.58) โดยมีมุมมองเศรษฐกิจไทยเชิงบวกใกล้เคียงกับคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า ทำให้ กนง.ยังคง คาดการณ์ GDP Growth ปี 2559-60 ที่ 3.2% (ASPS คาดปี 2560 ที่ 3.5% จาก 3.2% ในปี 2559) แม้ความเสี่ยงยังมาจากคู่ค้าที่ยังชะลอตัว และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐในปี 2560 อย่างไรก็ตามแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายปี 2560 ASPS คาดว่ามีทิศทางทรงตัวถึงช่วง 1H60 และหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเงินเฟ้อว่าจะเร่งขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.6% ในเดือน พ.ย. 2559 (ASPS คาดเงินเฟ้อสิ้นปี 2559 ที่ 0.8% และ 1.47% ในปี 2560 ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบ 45 เหรียญฯ ในปี 2559 และ 55 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในปี 2560) รวมถึงทิศทางของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องราว 3.4% นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.59 น่าจะหนุนยอดส่งออก(X) ในงวด 4Q59 ได้บ้างแต่เชื่อว่าไม่มากนัก เนื่องจากหากเทียบเคียงกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้าแล้วเงินบาทยังค่อนข้างแข็ง อีกทั้งการส่งออกช่วง 2 เดือนแรกของ 4Q59 พลิกกลับมาติดลบ แต่โดยรวมน่าจะทำให้ประมาณการ GDP Growth ที่ ASPS คาดการณ์ไว้ยังเป็นไปได้
(+) โครงการประมูลภาครัฐปีหน้า มีออกมาไม่ขาดสาย
การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยแผนลงทุนเร่งด่วนปี 2559 ของกระทรวงคมนาคมทั้ง 21 โครงการ มีความคืบหน้าตามลำดับ ปัจจุบันคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง เสร็จสิ้นแล้ว 6 โครงการ มูลค่า 2.48 แสนล้านบาท และอยู่ในขั้นตอนการประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาอีก 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท โครงการที่เหลือ จะทยอยประมูลในช่วงที่เหลือของปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า สำหรับปี 2560 กระทรวงคมนาคมมีแผนลงทุนต่อเนื่องอีก 36 โครงการ วงเงินลงทุน 8.95 แสนล้านบาท ครอบคลุมทั้งระบบราง ถนน น้ำ และอากาศ โดยคาดว่าน่าจะมีการเปิดประมูลในปีหน้าประมาณครึ่งหนึ่งหรือกว่า 4 แสนล้านบาท
การเปิดประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางในปีนี้ ได้แก่ 1.ประจวบ-ชุมพร 2. มาบกะเบา-ถนนจิระ 3. ลพบุรี-ปากน้ำโพ 4. นครปฐม-หัวหิน และ 5. หัวหิน-ประจวบฯ วงเงินรวม 1 แสนล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการเปิดขายซองฯ และคาดว่าน่าจะมีการเปิดประมูลแบบ e-Auction และทราบผลผู้ชนะการประมูลได้ภายใน 1Q60
ส่วนความคืบหน้าของแผนการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง ที่อยู่ในแผนฯ ปี 2560 นั้น มี 2 เส้นทางใหม่ คือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท และบ้านไผ่–มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการ รฟท. แล้ว ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และอยู่ในระหว่างการเตรียมนำให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อนำเสนอให้ ครม. อนุมัติในลำดับถัดไป ส่วนอีก 7 เส้นทาง ประกอบด้วย ปากน้ําโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท, ชุมทางถนนจิระ- อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท, ขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาท, สุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กม. วงเงิน 5.1 หมื่นล้านบาท, หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 8 พันล้านบาท และเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท คาดว่าคณะกรรมการ รฟท. จะอนุมัติได้ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2560 จากนั้นเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ราว มี.ค-เม.ย. 2560 จากนั้นก็จะสอบถามความเห็นไปยัง สศช. ในเดือน พ.ค. และจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ทั้ง 9 เส้นทางให้ ครม. พิจารณาอนุมัติทั้งหมดในช่วงเดือน มิ.ย.ปี 2560
โครงการประมูลภาครัฐมีออกมาไม่ขาดสาย ถือเป็นแหล่งงานสำคัญให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ น่าจะทำให้ Backlog รวมของกลุ่มรับเหมาฯ พุ่งขึ้นทะลุระดับ 5 แสนล้านบาท ใน 1Q60 และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่เม็ดเงินจากงานก่อสร้างในโครงการที่ได้เปิดประมูลในปี 2559 จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเบิกจ่ายในปี 2560 ประมาณ 1 แสนล้านบาท ทำให้รายได้รวมของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างปี 2560 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2559 ส่งผลให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างก้าวเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มากกว่าตลาด และเลือก CK ([email protected]) และ UNIQ ([email protected]) เป็นหุ้น Top Picks ของกลุ่มฯ
(0) ราคาน้ำมันลดลง จากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ เป็นจังหวะสะสมหุ้นน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบโลกวานนี้ปรับลดลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ สิ้นสุด 16 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล จากปริมาณการกลั่นน้ำมันที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันสำเร็จรูป ทั้งเบนซินและดีเซลกลับลดลงสวนทาง
คาดการณ์ว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันน่าจะเข้าสู่ภาวะที่สมดุลมากขึ้น โดยราคามีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-60 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล หลังจากที่ผู้ผลิตน้ำมันกลุ่ม Non-OPEC ได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 5.58 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยทางด้านรัสเซีย จะปรับลดกำลังการผลิตลง 3 แสนบาร์เรลต่อวัน หลังจากกลุ่ม OPEC จะปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2560 เป็นเวลา 6 เดือน ดังนั้น ราคาน้ำมันโลกที่ลดลงอาจกดดันราคาหุ้นน้ำมันให้ปรับฐานในช่วงสั้นๆ แต่เชื่อว่าเป็นโอกาสสะสม ยังแนะนำซื้อทั้ง PTTEP(FV@B102) และ PTT(FV@B400)
(-) วานนี้ต่างชาติขายหุ้นไทยหนักสุดในรอบเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
วานนี้ต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ด้วยมูลค่าราว 140 ล้านเหรียญ แต่มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ถูกซื้อสุทธิ คือ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิราว 108 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12) และอินโดนีเซีย 11 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) ส่วนตลาดหุ้นที่เหลืออีก 3 ประเทศ ต่างชาติยังคงขายสุทธิ คือ ไต้หวันถูกขายสุทธิราว 172 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 4) ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ 15 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 9) และไทยที่ต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 72 ล้านเหรียญ หรือ 2.6 พันล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) และยังเป็นการขายสุทธิสูงสุดในช่วงเดือน ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นเดือน (mtd) ขึ้นไปอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท ต่างกับนักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 98 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3)
ส่วนทางด้านตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯสลับมาซื้อสุทธิราว 1.96 พันล้านบาท ต่างกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิเล็กน้อยราว 703 ล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2)
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์