- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 December 2016 17:17
- Hits: 1719
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามต่างประเทศ โดยเฉพาะ DJIA ที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 20,000 จุด ภายใต้มุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณล่าสุดของประธานเฟด ต่อตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 10 ปี
ซึ่งสะท้อนไปยังค่าเงินของสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่า ทั้งจากมุมมองต่อเศรษฐกิจข้างต้น รวมถึงประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อเนื่องในปี’60 และความคาดหมายต่อนโยบายของทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20/1/60
อย่างไรก็ตามเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น คาดส่งผลกระทบต่อ (1) ราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง แต่ในทางตรงข้ามคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย และ (2) ภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาด EM รวมถึงไทย ที่คาดยังเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมตลาดฯ
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้ทุกกลุ่มในช่วงปลายปีทั้งเงินช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย และมาตรการหนุนการบริโภค รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ คาดผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโรงแรม เช่น HMPRO, CPN และ ERW เป็นต้น และหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันทั้ง WTI, Brent และ DUBAI ที่เคลื่อนไหวในระดับ 52 – 54USD
นอกจากนี้ ครม. เตรียมดำเนินแผนมาตรการเร่งด่วนด้านคมนาคมปี 2560 (Action Plan 60) วงเงินประมาณ 8.96 แสนล้านบาท โดยมีโครงการที่จะเริ่มประกวดราคาได้ 15 โครงการ คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60 คาดยังคงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาใน ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
ขณะที่แนะติดตาม (1) การประชุม กนง. (21/12/59) ที่คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% (2) แรงซื้อของสถาบันในประเทศ ที่คาดชดเชยแรงขายสุทธิต่อเนื่องของต่างประเทศ และ (3) Window Dressing ในช่วงสิ้นปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
SET SET50 SET100
1,511.65 -10.75 944.18 -3.96 2,132.36 -12.56
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +91.56, NASDAQ +26.50, S&P +8.23, FTSE +26.80, CAC +27.12 และ DAX +38.04
DJIA เคลื่อนไหวใกล้แนวต้านที่ระดับ 20,000 จุด ภายใต้ปัจจัยบวกจาก
(1) หุ้นกลุ่มธนาคาร จากความคาดหวังว่า คณะทำงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยฟื้นฟูภาคธนาคารให้แข็งแกร่งขึ้น และ (2) ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น - BOJ มีมติคงนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% และคงระดับฐานเงินรายปีอยู่ที่ 80 ล้านล้านเยน ผ่านโครงการรับซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ ขณะเดียวกัน BOJ ปรับเพิ่มมุมมองทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่า การส่งออกและการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนเริ่มส่งสัญญาณขยายตัว และเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงอยู่ในทิทางการฟื้นตัวระดับปานกลาง
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนเพิ่ม จากประเด็นที่รัฐบาลอิตาลีกำลังเตรียมให้ความช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$0.11 อยู่ที่ US$52.23 ต่อบาร์เรล ภายใต้คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด อาจปรับตัวลดลงมากกว่า 2 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด หลัง รมว.พลังงานรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียอาจขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปเกินกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า หากมีความจำเป็น (จากข้อตกลงล่าสุดกับโอเปก เมื่อกลางเดือน รัสเซียพร้อมที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมัน 300,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนม.ค.’60)
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$9.1 อยู่ที่ US$1,133.6 ต่อออนซ์ ส่วนนหนึ่งจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ DJIA ที่เคลื่อนไหวใกล้แนวต้านที่ระดับ 20,000 จุด ส่งผลให้ลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.2 1.92 3.1
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,238.21
สถาบัน 1,027.80
บัญชีหลักทรัพย์ 162.5
ต่างประเทศ -793.85
ในประเทศ -396.45
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -794 ล้านบาท สะสม YTD +74,898 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 21 - 23 ธ.ค. 2559
21/12/59 ประชุม กนง. (อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด 1.50%)
สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.
สต็อกน้ำมัน
22/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ประมาณการครั้งสุดท้าย GDP – 3Q/59
ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย.
รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.
23/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนธ.ค.
ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.57% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.26 อยู่ที่ 11.45
หุ้นแนะนำ : WORK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788