- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 December 2016 17:16
- Hits: 10072
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ไม่หลุด 1515 จุด'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้แกว่งแคบ ปิดตลาดทรงตัวที่ 1522.40 หุ้น Big Cap เช่น KBANK, SCB, PTTEP, PTT, CPALL ขยับขึ้น ซึ่งอยู่ใน Theme ของ LTF โค้งสุดท้ายที่เราได้ Call ไปว่าจะมีแรงซื้อหุ้นพวกนี้เข้ามาก่อนสิ้นปี 59 นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อตลาดช่วงนี้ ได้แก่
- แรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างประเทศมีมากขึ้น (ทูตรัสเซียถูกยิงเสียชีวิตที่ตุรกีขณะกำลังกล่าวเปิดงานศิลปะ, จีนยึดโดรนใต้น้ำสหรัฐ, มีเหตุรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชนที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี)
+ แรงซื้อหุ้น Big Cap ของกอง LTF โค้งสุดท้ายปลายเดือนธ.ค.ช่วยหนุนแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศและช่วยพยุงดัชนี
จับตาการเดินหน้านโยบายและมาตรการของทรัมป์ ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้หรือไม่ ด้านประธานเฟดระบุขณะนี้ภาคแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ปี
กลยุทธ์ : เน้นซื้อตามค่าบวก /กรณีซื้ออ่อน SET ต้องไม่หลุด 1515 จุด ทั้งนี้เหตุการณ์วุ่นวายภายนอกมีน้ำหนักกดดันมากขึ้น แต่แรงซื้อหุ้น Big Cap ของกองทุน LTF ยังช่วยพยุง หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น CPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ค่อยดี ลดพอร์ตตาม/ตัดขายขาดทุนเมื่อ SET หลุด 1515 จุด แนวเด้ง 1500 จุด แนวต้านระยะสั้น 1530-1540 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ทางเทคนิค ที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ BIG, MEGA, AUCT, TFG, KOOL
หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TISCO, SYNEX, TOP, BRR, KAMART, TWP, GLOBAL หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ JMART
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ประธานเฟดระบุว่าภาคแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ปี
นางเยลเลนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับตลาดแรงงานที่มหาวิทยาลัยบัลติมอร์เมื่อวานนี้ว่า หลังจากที่เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวมาเป็นเวลาหลายปี สหรัฐก็เริ่มเข้าสู่ภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี โดยอัตราว่างงานอยู่ในระดับที่ต่ำ ขณะที่การจ้างงานปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราการเลย์ออฟพนักงานก็ยังอยู่ในระดับต่ำ และมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าแรง ซึ่งหลักฐานเหล่านี้บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ
+ เยอรมนี : ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจดีขึ้นในเดือนธ.ค.
Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 111.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 110.4 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 110.7
- การเมืองต่างประเทศ : ทูตรัสเซียถูกยิงเสียชีวิตที่ตุรกี & มีเหตุโจมตีในเยอรมนี
# นายอังเดร คาร์ลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ได้เสียชีวิตจากการถูกยิงในกรุงอังการา ประเทศตุรกี ในขณะที่เขากำลังกล่าวเปิดงานแสดงศิลปะแห่งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตุรกี หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความขัดแย้งในซีเรีย โดยรัสเซียมีจุดยืนสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ขณะที่ตุรกีต้องการที่จะให้เขาออกจากตำแหน่ง
# เกิดเหตุการณ์โจมตีในเยอรมนี โดยคนร้ายได้ขับรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่ตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ขยับขึ้นอย่างจำกัด
การกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธานเฟดที่มหาวิทยาลัยบัลติมอร์เมื่อวานนี้ระบุว่าขณะนี้ตลาดแรงงานของสหรัฐแข็งแกร่งมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี แต่ตลาดหุ้นปรับขึ้นจำกัดเพราะกังวลเกี่ยวกับข่าวเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกีถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตุรกี ปิดตลาดดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 39.65 จุด หรือ +0.20%
ราคาน้ำมันดิบบ : ปิดบวกเล็กๆ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 52.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 54.92 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลเหตุการณ์ในตุรกี รวมทั้งมีสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนม.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคารที่ 20 ธ.ค.ด้วย ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์ที่แล้วว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น 12 แท่น สู่ระดับ 510 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.59 และเป็นการเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
+ ราคาทองคำ : เพิ่มขึ้นต่อจากข่าวการถูกยิงเสียชีวิตของทูตรัสเซียในประเทศตุรกี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ระดับ 1,142.70 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสำนักข่าว RIA ของรัสเซียเปิดเผยว่านายอังเดร คาร์ลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ได้ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงอังการา ในระหว่างที่เขากำลังกล่าวเปิดงานแสดงศิลปะแห่งหนึ่ง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
ไทย : เวิลด์แบงก์ ปรับ GDP Growth ไทยปี 60 เป็น +3.2%...ตัวเลขไม่ได้ Surprise ตลาด
ธนาคารโลกหรือเวิลด์แบงก์ปรับคาดการณ์ GDP Growth ไทยปี 60 เป็น +3.2% จากเดิม +3.1% โดยเชื่อว่าการส่งออกจะฟื้นเป็นเติบโตราว 1% การบริโภค & การลงทุนช่วยหนุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ นอกจากนั้นภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ภาคเกษตรคาดว่าจะดีขึ้นหลังเกิดภัยแล้งรุนแรงในปี 59 ส่วนปัจจัยภายนอกที่ติดตามและเป็นความเสี่ยง คือ ผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ ผลกระทบจาก Brexit
ธนาคารโลกระบุว่าไทยมีโอกาสเติบโตได้ดีขึ้นและไม่ต่ำกว่า 4% จากการปฎิรูปภาคบริการ (ฟิลิปปินส์เด่นด้านบริการไอที มาเลเซีย & สิงคโปร์เด่นเรื่องบริการการศึกษา) ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ภาคบริการสูงถึง 50% ของ GDP และมีการจ้างงานสูงถึง 40% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด ทั้งนี้ธนาคารโลกเห็นว่าไทยมีเสถียรภาพที่แข็งแกร่งที่สุดใน AEC ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำและสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่สูง
กนง.ประชุม 21 ธ.ค.นี้...คาดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%
คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง.จะประชุมครั้งสุดท้ายของปี 59 วันที่ 21 ธ.ค. ซึ่งเราและตลาดคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ทั้งนี้แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำและเศรษฐกิจก็ฟื้นตัวช้า จึงน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำก่อน และเราคาดว่ากนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปตลอดปี 60 หากเศรษฐกิจขยายตัวในระดับ 3% กว่าๆ ซึ่งมองว่าต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็นของเศรษฐกิจไทย
+ CPN (ราคาปิด 57 บาท) : ประเมินกำไรสุทธิเติบโตแกร่ง 17% ปีนี้และ 13% ปีหน้า
บริษัทรายงานกำไร 3Q59 เพิ่มขึ้น 29%YoY โดยเป็นผลจากรายได้ที่เติบโต (+14%YoY) และมาร์จิ้นสูงขึ้นเป็น 49% จาก 47% ใน 3Q58 อัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้น 2% รายได้จากโรงแรมดีขึ้น 10% โดยหลักมาจากโรงแรมฮิลตัน พัทยามีอัตรการเข้าพักเพิ่มเป็น 96% ใน 3Q59 จาก 85% ใน 2Q59 และโรงแรมเซ็นทารามีอัตราการเข้าพักสูงขึ้นเป็น 80% ใน 3Q59 จาก 73% ใน 2Q59 ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะซบเซา
ในเชิงกลยุทธ์ เราชอบ CPN ที่มีธุรกิจมั่นคง โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ค้าปลีกสูงที่ 93% และอัตราการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานแกร่งที่ 96% ขณะที่อัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในช่วง 9M59 สามารถปรับขึ้นได้ 2.2%YoY แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนัก ทั้งนี้เพราะโครงการอยู่ในทำเลที่ดีและแบรนด์เซ็นทรัลเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากลูกค้ามาก แนวโน้มยังไปได้ดี จากการที่มีแผนเปิดสาขาเพิ่มต่อเนื่อง (ขณะนี้มี 4 โครงการที่กำลังก่อสร้าง และจะเปิดดำเนินการในปี 60-61 ซึ่งรวมถึงโครงการที่มาเลเซียด้วย) นอกจากนั้นตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไปจะมีรายได้จากคอนโดเข้ามาช่วยเสริมด้วย โดยบริษัทมีแผนเปิดขายโครงการคอนโดปีละ 2-3 แห่งมูลค่ารวมประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปี และยังคงจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯเมื่อ CPNRF ได้แปลงเป็น REIT แล้ว ซึ่งจะบันทึกกำไรเข้ามาและมีเงินไปลงทุนขยายธุรกิจต่อโดยไม่ต้องกู้เพิ่มมาก แนะนำซื้อลงทุน โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 70 บาท
DRACO (ราคาปิด 4.32 บาท) : Chin-Poon จะทำเทนเดอร์ @ 5.07 บาท/หุ้น เพื่อออกจาก SET
DRACO แจ้งว่าที่ประชุมบอร์ดมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเพิกถอนหุ้นออกจาก SET โดย Chin-Poon ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 95.53% โดยจะทำเทนเดอร์ฯที่ราคาหุ้นละ 5.07 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]