- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 December 2016 17:35
- Hits: 1267
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : -
Our Portfolio Dec 2016 : BEAUTY, BEM, CK, HMPRO, MINT
แม้ SET เข้าใกล้เป้าหมายแล้วเริ่มอ่อนแอ แต่คาดยังรอขายช่วงบวกได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังขยับกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในด้านบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะแกว่งอ่อนตัวลงมาเหลือปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อย แต่ก็แสดงถึงแรงซื้อในตลาดที่ยังประคองดัชนีไว้ได้ โดยยังมีแรงหนุนจากการดีดขึ้นมาเคลื่อนไหวเป็นบวกค่อนข้างแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วยแนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้อาจไม่สดใสนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเล็กน้อย จากความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในทะเลจีน หลังมีข่าวว่าเรือรบกองทัพจีนยึดโดรนใต้ทะเลของสหรัฐรวมทั้งตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐยังร่วงมากกว่าคาดในเดือน พ.ย.ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มชะลอการฟื้นตัวแม้ว่าจะยังเคลื่อนไหวในด้านบวกก็ตาม ส่วนค่าเงินบาทก็เริ่มอ่อนตัวลงด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องจากเข้าสู่ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีแล้ว ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่าเม็ดเงินจากกองทุน LTF/RMF น่าจะยังมีเข้ามาช่วยพยุงตลาดไว้ได้บ้าง ดังนั้นโอกาสที่กรอบลบของ SET จะยังแคบ และสุดท้ายยังลุ้นโอกาสพลิกกลับไปขยับบวกต่อ เพื่อลุ้นเป้าหมายดัชนีแถว 1550 จุดในช่วงถัดไปจึงยังเป็นไปได้
กลยุทธ์ : แม้ SET ยังมีโอกาสแกว่งผันผวนและอ่อนตัวลงอีกได้ แต่เราคาดว่ากรอบลบจำกัด และยังลุ้นขึ้นต่อได้ ดังนั้นยังน่ารอแบ่งส่วนทยอยทำกำไรเพื่อลดพอร์ตช่วงบวกดีกว่า
แนวรับ 1520-1518 , 1516-1513 จุด
แนวต้าน 1525-1528 , 1530-1533 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TKN , DEMCO , COM7(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$189ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$95ล้าน ไทย US$55ล้าน และไต้หวันUS$47ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ประเทศเดียว US$37ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนในทะเลจีน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) คาดกนง.คงดอกเบี้ย 1.5% ในการประชุมพุธนี้ และน่าจะคงอัตรานี้ตลอดทั้งปี2017 เพื่อประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้เงินบาทระยะนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าจะมีทิศทางอ่อนค่า (คาด 36 บาท/USD ปีนี้และ 37 บา/USD ปีหน้า) แต่เชื่อว่าเม็ดเงินไหลออกไม่รุนแรง การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินไหลออกจึงไม่จำเป็น ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้โอกาสที่กนง.จะลดดอกเบี้ยมีน้อยมาก
• (0) BOJ น่าจะคงดอกเบี้ยและนโยบาย QE ในการประชุมสัปดาห์นี้ เงินเยนที่อ่อนค่า (มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ) ได้รับอานิสงส์จากการแข็งค่าของดอลลาร์นับตั้งแต่ Trumpชนะเลือกตั้ง (เยนอ่อนค่า 13% ในช่วงเวลาเพียง 1 เดือนเศษ) เป็นสิ่งที่ BOJ อยากเห็นความจำเป็นในการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมจึงน่าจะน้อยลง
• (+) โกลด์แมนแซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ใน 2Q17 ขึ้นเป็นUS$57.5/บาร์เรล จากเดิม US$55/บาร์เรล หลังผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลง แต่ยังไม่แน่ว่าการลดกำลังการผลิตจะเกิดขึ้นจริงจนกว่าจะถึงปลาย ม.ค. 2017 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันในระยะใกล้จะถูกกดดันจากลิเบียที่ผลิตน้ำมันเพิ่มและดอลลาร์แข็งค่า
• (+) โรงกลั่นได้อานิสงส์ระยะสั้นจาก Stock gain แต่ระยะยาวยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันดิบซึ่งเป็นต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น หุ้นโรงกลั่นส่วนใหญ่ราคาเต็มมูลค่าแล้ว ยกเว้นIRPC (ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท) และ BCP (ราคาพื้นฐาน 38 บาท) ยังมี upside กว่า15% เป็นหุ้นที่กำไรโต มี 2017PE ต่ำ 11 เท่าและ 9 เท่าตามลำดับ และให้ Dividendyield 5% และ 4.2% ต่อปี ตามลำดับ (IRPC จ่ายปีละ 1 ครั้ง, BCP จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
• (+) Soft commodity ได้รับผลบวกตามราคาน้ำมัน นับตั้งแต่ Trump ชนะเลือกตั้งนอกจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พลิกกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแล้ว Soft commodity ก็ปรับสูงขึ้นอย่างโดดเด่น แนวโน้มโภคภัณฑ์ที่ราคาจะดีขึ้นในปีหน้าคือน้ำตาล เราชอบ KSL ที่สุด แนะนำซื้ออ่อนตัว ส่วนระยะสั้นๆราคายางยังเด่น แนะนำเพียงเก็งกำไร STA
• (+) EPG ราคาหุ้นที่ปรับลงมาเป็นโอกาสในการซื้อ เพราะคิดเป็น 2017PE 19 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรที่เติบโตอย่างยั่งยืน 14-15% ต่อปีในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เท่ากับ PEG 1.3เท่า ต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มี PEG เฉลี่ย 1.8 เท่า ความเข้าใจที่ว่าราคาน้ำมันและยางพาราที่ปรับขึ้นเป็นผลลบต่อผลประกอบการ เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะบริษัทก้าวผ่านความเป็น commodity ไปแล้ว บรรจุภัณฑ์พลาสติกของ EPG มีกำลังผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีประสิทธิภาพและได้ economy of scale ฉนวนยางกันความร้อน/เย็นซึ่งมีวัตถุดิบคือยางสังเคราะห์แต่ด้วยนวตกรรมทำให้ใช้วัตถุดิบน้อยแต่ได้ผลผลิตมากนอกจากนี้ โรงงานในสหรัฐยังจะได้ประโยชน์จากการที่ Trump ประกาศจะลดภาษีจาก35% เหลือ 15% เรายังคงราคาพื้นฐาน 16 บาท แนะนำซื้อ
• (+) หุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 รอบ 1H17 มี GLOBAL, KKP, PTG, SPRC, THAI /ส่วนที่เอาออกมี BEC, MTLS, SAWAD, TASCO, TTW / สำหรับ SET100 หุ้นที่เข้าคำนวณมี BIG, KAMART, SCN, SPRC, SUPER, THANI, TKN, VIBHA / หุ้นที่เอาออกมี ANAN, BJCHI, ERW, GL, JWD, SVI, TRC, WORK
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ธ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
21 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
22 ธ.ค. - ไทย: AMA เข้าเทรด (ราคา IPO 9.99 บาท)
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย ตลาดคาดดีขึ้นเล็กน้อยจาก
3.2% เป็น 3.3%)
23 ธ.ค. - ไทย: AU เข้าเทรด (ราคา IPO 4.50 บาท)
26 ธ.ค. - ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.)
27 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราใช้กำลังการผลิต (พ.ย.)
30 ธ.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
1 ม.ค. - จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ธ.ค.)
2 ม.ค. - ไทย: เงินเฟ้อ (ธ.ค.), Business Sentiment Index (ธ.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบเล็กน้อย โดยนักลงทุนจังวะเกี่ยวกับความตึงเครียดในทะเลจีนใต้หลังมีข่าวว่าเรือรบของกองทัพจีนได้ยึดโดรนใต้ทะเลของสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขยอดสร้างบ้านเดือน พ.ย. ออกมาต่ำกว่าคาด
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องโดยยังตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม FED รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ Sanofi เตรียมเข้าซื้อ Actelion ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับเวชภัณฑ์ในสวิตเซอร์แลนด์
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เริ่มลดความร้อนแรงลง
(-) ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 35.70-35.88 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 1.00ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์สถานการณ์ตลาดน้ำมันใปนีหน้าที่คาดว่าจะเข้าสู่สมดุลมากขึ้นหลังOPEC และผู้ผลิตอื่นรวมมือกันลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 7.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,137.40 ดอลลาร์/ออนซ์ รีบาวด์จากจุดต่ำสุดในรอบ10 เดือนครึ่ง ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในทะเลจีนใต้ช่วยหนุนให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research