- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 December 2016 17:18
- Hits: 4303
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway คาดยังมีความผันผวนภายใต้ (+) ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก หลังกลับมาให้น้ำหนักต่อประเด็นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตดี และคาดสามารถรองรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้การประชุมล่าสุดเฟดจะส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้ง ในปีหน้ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2 ครั้ง
ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก (1) ค่าเงินของสหรัฐฯ ที่คาดยังมีแนวโน้มแข็งค่า ภายใต้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยข้างต้น รวมถึงความคาดหมายต่อนโยบายของทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่ง 20/1/60) คาดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (2) ราคาสินค้า Commodity ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง แต่ในทางตรงข้ามคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย และ (3) ภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาด EM รวมถึงไทย ที่คาดยังกดดันภาพรวมตลาดฯ
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้ทุกกลุ่มในช่วงปลายปีทั้งเงินช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย และมาตรการหนุนการบริโภค รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ คาดผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มโรงแรม เช่น HMPRO, CPN และ ERW เป็นต้น
นอกจากนี้ ครม. เตรียมดำเนินแผนมาตรการเร่งด่วนด้านคมนาคมปี 2560 (Action Plan 60) วงเงินประมาณ 8.96 แสนล้านบาท โดยมีโครงการที่จะเริ่มประกวดราคาได้ 15 โครงการ คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60 คาดยังคงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาใน ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
ขณะที่แนะติดตาม Window Dressing ในช่วงสิ้นปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,519.65 -1.60 946.98 -3.11 2,141.16 -6.26
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +59.71, NASDAQ +20.18, S&P +8.75 FTSE +49.82, CAC +49.99 และ DAX +121.56
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด ลดลง 4,000 ราย อยู่ที่ 254,000 ราย ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 255,000 ราย (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน – ธ.ค. อยู่ที่ 70 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 11 ปี ภายใต้การคาดการณ์ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรมตามนโยบายที่หาเสียงไว้ (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต – ธ.ค. อยู่ที่ 54.2 เพิ่มขึ้นจาก 54.1 เมื่อพ.ย. และ (4) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ต่อเนื่องจาก ต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4%
ขณะที่คาดตลาดฯ ส่วนใหญ่สะท้อนประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ เฟดไปแล้ว และคาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นได้ หลังเฟดปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี’59 จากเดิม 1.8% เป็น 1.9% และคาดในปี’60 อยู่ที่ 2.1% เพิ่มจากเดิมที่ 2.0%
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$0.14 อยู่ที่ US$50.90 ต่อบาร์เรล หลังโอเปก เปิดเผย ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของกลุ่มโอเปกฯ พุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ 33.87 ล้านบาร์เรล/วันพร้อมระบุว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในปี’60 นอกจากสมาชิกโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะดำเนินปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง เพื่อลดการผลิตน้ำมันลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.28 1.93 3.09
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 49,530.71
สถาบัน -877.73
บัญชีหลักทรัพย์ 480.46
ต่างประเทศ -1,456.57
ในประเทศ 1,853.84
ราคาทองคำ(COMEX)ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$33.9 อยู่ที่US$1,129.8 ต่อออนซ์หลังเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด รวมทั้งถูกกดดันจาก (1) เงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า และ (2)เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ–1,457 ล้านบาทสะสม YTD +77,584 ล้านบาท(ปี’57 และ58 ยอดขายสุทธิสะสม36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาทตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม16 - 21 ธ.ค. 2559
16/12/59 สหรัฐฯเปิดเผย
การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
21/12/59 ประชุมกนง. (อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด1.50%)
(5) กลุ่มพลังงานเช่นPTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดีขณะที่TOP และSPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL, HMPRO, KAMART และROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่งในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.05 อยู่ที่2.58% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -0.40 อยู่ที่12.79
หุ้นแนะนำ: THANI