- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 December 2016 17:14
- Hits: 4304
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (16/12/59)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ซึมๆหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้กดดันจากประเด็น FED ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย รวมกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง โดยกลุ่มที่กดดันดัชนีได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (-0.7%) กลุ่มพลังงาน (-0.5%) ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (+0.9%) ที่มีปัจจัยบวกจากประกาศผลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กลุ่มบันเทิง (+0.6%) กลุ่มธนาคาร (+0.5%) ปิดตลาดดัชนีลดลง 1.60 จุด (-0.1%) มาอยู่ที่ 1,519.65 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายที่ระดับ 49,531 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 70 จุด โดยสูงสุดในรอบ 11 ปี สะท้อนความคาดหวังของผู้บริโภคต่อนโยบายทรัมป์
(+) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐ เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 54.2 จุด สะท้อนว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัว
(+) ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 5 (อาคารศูนย์ซ่อม) พบว่า CK และ STEC ชนะประมูลไปที่ 4.9 พันลบ.
(+) วานนี้ศาลล้มละลายกลางได้เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ SSI ซึ่งส่งผลบวกต่อธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ทั้ง 3 ราย ได้แก่ SCB, KTB และ TISCO
(+) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดเพิ่มขึ้น 1.5%Day มาปิดที่ 88.85 จุด และ +76%YTD มองเป็นบวกต่อ BANPU, LANNA
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Roll Coil) ยังแข็งแกร่งที่ระดับ 585 US/Tons (เทียบสิ้น 3Q59 อยู่ที่ 496 US/Tons) หรือบวกเพิ่มขึ้น 18% จากสิ้นไตรมาส 3/59 คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็ก PERM, PAP, TMT, AMC, MCS
(+) กสทช. เปิดแผนประมูลคลื่นความถี่ในช่วง 4 ปี ข้างหน้า (ปี 60-63) คาดเปิดประมูล 3 คลื่น ได้แก่ 2600 MHz, 850 MHz, 700 MHz ซึ่งประเด็นนี้มองเป็นบวกต่อ DTAC และ MCOT (เจ้าของคลื่น 2600MHz)
(-) ราคาน้ำมันดิบ (WTI) วานนี้เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยลดลงเล็กน้อย 0.3%Day มาอยู่ที่ 50.9 US/Barrel เทียบวันก่อนหน้าที่ลดลงราว 4%Day
(-) นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยวานนี้อยู่ที่ 1.46 พันลบ. และ 877 ลบ. ตามลำดับ
(+/-) ค่าเงิน USD ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อ (Dollar Index วานนี้ +0.9%Day มาอยู่ที่ 103.1) หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งภาคแรงงาน, อสังหาฯ ยังคงแข็งแกร่ง กอปรกับ FED เพิ่งมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. อีก 0.25% ซึ่งการแข็งค่าของ USD กระทบเชิงลบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
(+/-) สคร. คาดปี 60 จะตั้งกองทุนไทยแลนด์พิวเจอร์ฟันด์ วงเงิน 6-8 หมื่นลบ.
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ประชุมธนาคารกลาง BOJ (20 ธ.ค.) และกนง. (21 ธ.ค.)
ประกาศหุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 วันที่ 16 ธ.ค. (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
FSTE SET Large-Cap Index มีผล 19 ธ.ค. (หุ้นเข้า BJC / ออก SCCC)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ดุลบัญชีการค้าญี่ปุ่น (19 ธ.ค.), GDP 3Q59 สหรัฐ (22 ธ.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมัน (23 ธ.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน “เล่นสั้นธนาคาร”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เรามองปัจจัยหลักที่จะกดดันให้ตลาดปรับตัวลดลงคือ FundFlow ต่างชาติที่มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่อง เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐที่มีปัจจัยเด่นสนับสนุน ขณะที่เรายังไม่เห็นเม็ดเงินที่เข้าจาก LTF และ RMF เข้าพยุงตลาดเหมือนกับปีก่อนๆ ทำให้ในเดือน ธ.ค. เรายังคงมองลบต่อ Sentiment การลงทุน เราคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรในกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ในวันนี้ จากประเด็นศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟู เราแนะนำเก็งกำไรสั้นในวันสำหรับกลุ่มธนาคาร
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
SCB เก็งกำไร
ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI Coverage Ratio จะเพิ่มขึ้นจาก 129% เป็น 145%
4Q59 มีโอกาสที่จะตั้งสำรองลดลง 2 พันลบ. จากกรณี SSI
มูลค่าพื้นฐานระยะยาวอยู่ที่ 165 บาท (เทียบเท่า PBV ปี 60 1.55 เท่า)
TMB เก็งกำไร
ราคาหุ้น Laggard SET และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
คาดสินเชื่อใน 4Q59 เติบโตได้จากสินเชื่อหมุนเวียนทั้งรายใหญ่และ SME ขณะที่ NIM ยังทรงตัวในระดับ 3%
มูลค่าเหมาะสมปี 60 อยู่ที่ 2.40 บาท อิง Justified P/BV ที่ 1.20 เท่า
ทีมวิเคราะห์