- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 December 2016 17:10
- Hits: 4181
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
นักลงทุนต้องปรับตัวกับการที่ Fed จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย
คาดหุ้นไทยวันนี้ไม่ไปไหนไหนไกล โดยที่ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังปรับตัวต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed นับจากนี้ที่จะเร็วขึ้น หุ้นเอเซียยังเปราะบางจากการเทขายหนัก ๆ หลังจากดอลลาร์แข็งค่าที่สุดในรอบ 14 ปี ในขณะที่อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสหรัฐยังพุ่งขึ้นไม่หยุดล่าสุด อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสหรัฐ 10 ปี สูงที่สุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงของตลาดน่าจะถูกจำกัดจากการที่เริ่มมีความกังวลว่าหุ้นสหรัฐขณะที่เริ่มแพง และการเมืองยุโรปปีหน้าจะมีความไม่แน่นอนสูง ภายในประเทศกองทุน TFF ชุดแรกมูลค่า 3 หมื่นล้านจะออกมาราวไตรมาส 1/60 มีนักลงทุนสนใจมาก ศาลอนุมัติแผนฟื้นฟู SSI เป็นผลดีกับธนาคารเจ้าหนี้ kTB SCB และ TISCO ที่จะจัดหนี้ใหม่จาก NPLS เป็นหนี้จัดชั้นแบบดี แต่เราเชื่อว่าผลต่อรายได้ของทั้ง 3 ธนาคารไม่น่ามีมากนัก
หุ้นเด่นวันนี้: UNIQ (ราคาปิด 19.80 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS ปี 2560 เท่ากับ 25.50 บาท)
UNlQ เป็นผู้หนึ่งที่ได้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งลงมือทำตั้งแต่ช่วงต้นปี 2560 โดยบริษัทเป็นผู้รับเหมาฯ ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดในกลุ่ม ทั้งในแง่ของการเติบโตและอัตรากำไรขั้นต้น ล่าสุดบริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) สัญญาที่ 4 และ 6 มูลค่า 9.9 พันล้านบาท และ 3.75 พันล้านบาท ตามลำดับ
ทำให้ Backlog ของ UNlQ เพิ่มขึ้น 58% จาก 23.8 พันล้านบาท เป็น 37.5 พันล้านบาท พอสำหรับสร้างรายได้ไปอีก 2.5 ปีข้างหน้า UNlQ มีอัตรากำไรขั้นต้นดีที่สุดในกลุ่มผู้รับเหมาฯ ขนาดใหญ่ โดยอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 17.7% ในงวด 9M59 ลดลงจาก 18.4% ใน 9M58 แต่อัตรากำไรสุทธิก็ยังคงดีในระดับ 7.1% ใน 9M59 เพิ่มขึ้นจาก 7.0% ใน 9M60 ขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ต่ำกว่า 10% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 4% การทำกำไรที่ดีเป็นเพราะ UNlQ ทำโครงการขนาดใหญ่ที่มีรายได้ที่ชัดเจนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 เติบโต 37% และโต 11% ในปี 2560 ปัจจุบันหุ้น UNlQ ซื้อขายที่ EV/EBlTDA ที่ 11.5 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม เรากำหนดราคาเป้าหมายที่ 25.50 บาท
สำหรับปี 2560 อิงค่า EV/EBlTDA เฉลี่ยในอดีตที่ 15 เท่า จึงยังมี Upside ประมาณ 29% Price Pattern ของ UNlQ มีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal โดยหาก Price Pattern ของ UNlQ สามารถปิดสิ้นเดือนได้เหนือ 18.80 บาท จะทำให้กลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแนวโน้มหลักจากแนวโน้มขาลงไปสู่แนวโน้มขาขึ้นทันที โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 20.50 บาท ซึ่งหากสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 20.50 บาทได้สำเร็จ จะบ่งบอกถึงการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 22.10 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 24.10 บาท ทั้งนี้ UNlQ มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 17.40 บาท (Resistance: 20.20, 20.60, 21.20; Support: 19.60, 19.20, 18.60)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ:
- หน่วยลงทุน TFF ล็อตแรกได้รับความเห็นชอบในการออกเสนอขายต่อสาธารณะแล้ว รองนายกฯ สมคิดกล่าวว่ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ล็อตแรกมูลค่า 3 หมื่น ลบ. ได้รับความเห็นชอบแล้วและน่าจะออกเสนอขายต่อสาธารณะได้ในไตรมาสแรกปีหน้า เพื่อเป็นเงินทุนให้แก่ทางด่วนเชื่อม ถ.พระราม 3-ดาวคะนอง-และวงแหวนรอบนอกตะวันตก คณะกรรมการร่วมทุนรัฐเอกชนตกลงในหลักการเพื่อเลือกอีกสองโครงการทางด่วนที่จะใช้เงินทุนจาก TFF (Bangkok Post)
- CKST ชนะประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 5 โดยเสนอราคา 4,901 ล้านบาท จากราคากลาง 4,915 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)ความเห็น: ทำให้ CKST ได้งาน 3 สัญญาจากทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่ารวม 47,171 ล้านบาท จากทั้งหมด 79 ,518 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่ 80,811 ล้านบาท คาดว่าเซ็นต์สัญญาประมาณไตรมาส 1/60
- เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ SSI ศาลล้มละลายกลางวานนี้ได้เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของ SSl เปิดโอกาสสำหรับการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนและแผนเพิ่มทุน ศาลได้ให้เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้รวม 13 กลุ่มซึ่ง SSl จะต้องทยอยชำระ รวมมูลหนี้ 6.92 หมื่น ลบ. (Bangkok Post) ความเห็น: น่าจะเป็นข่าวที่ส่งผลบวกต่อสามเจ้าหนี้คือ KTB (17.50 บาท; ซื้อ; AWS 17TP 22.00 บาท), SCB (147.00บาท; ซื้อ; AWS 17TP 185.00 บาท), and TISCO (53.75บาท; ซื้อ; AWS 17TP 67.00บาท) เนื่องจากการจัดชั้นสินเชื่อใหม่จะทำให้สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะทาให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้อัตราส่วน NPL ลดลงและ coverage ratio จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเรายังคงสมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยมโดยต้นทุนการให้สินเชื่อยังคงที่และคงการคาดการณ์สำหรับธนาคารเหล่านี้ไว้เช่นเดิม
- จดทะเบียนบริษัทใหม่ทะลุเป้าปีนี้แล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดว่ายอดจดทะเบียนบริษัทใหม่ในประเทศไทยจะทะลุเป้า 60,000 ราย ไปได้ถึง 65,000 ปีนี้ และปี 60 น่าจะทะลุปีนี้ไปอีกเพราะแนวโน้มบวกจากการเติบโตเศรษฐกิจที่แข็งแรงและประสิทธิภาพของการจดทะเบียนธุรกิจ (The Nation)
ต่างประเทศ:
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะสั้นปรับตัวขึ้นเมื่อวันพฤหัส หลังมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบ่อยครั้งขึ้นในปีหน้า ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลงจากระดับสูงสุดหลังจากมีการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนพ.ย. เส้นอัตราผลตอบแทนยังได้ไต่สู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 7 ปี เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี (Reuters)
- ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดเทียบกับสกุลเงินหลักในรอบ 14 ปีเมื่อวันพฤหัส จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินแบบหดตัวมากขึ้น ดอลลาร์สหรัฐล่าสุดแข็งค่าขึ้น 1.14% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 118.35 เยน หลังจากแข็งค่า 1.4% ที่ระดับ 118.66 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. เงินยูโรอ่อนค่า 1.08% ที่ระดับ 1.0421 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่ร่วงลงถึง 1.3% สู่ระดับ 1.0396 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. 2003 (Reuters)
สหรัฐ:
- ดัชนีตลาดหุ้นวอลสตรีทปิดบวกเมื่อวันพฤหัส จากแรงหนุนในหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้น หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี แผนการใช้จ่ายของทรัมป์อาจดันอัตราเงินเฟ้อซึ่งก่อให้เกิดอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ แผนในการผ่อนคลายกฎระเบียบจะทำให้ธนาคารต่าง ๆ ได้รับประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากเป็นหนึ่งกลุ่มที่ถูกควบคุมโดยกฎระเบียบมากที่สุด (Reuters)
- ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นไม่มากในเดือนพ.ย. แต่ยังบ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนี CPl พื้นฐานขยับขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.เนื่องจากราคาน้ำมันชะลอตัวลง และราคาอาหารเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ทั้งนี้ ดัชนี CPl ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนพ.ย. ดัชนี CPl เพิ่มขึ้น 1.7% YoY ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2014 ดัชนี CPl เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อนับถึงเดือนต.ค. ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPl จะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. และเพิ่มขึ้นถึง 1.7% YoY เฟดมีเป้าเงินเฟ้อที่ 2% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.7% (Reuters)
ยุโรป:
- ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารโดยรวมที่ได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และการสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (Reuters)
- รัฐบาลกรีซเตรียมจ่ายเงินก้อนให้กับผู้รับเงินบำนาญเนื่องในเทศกาลวันคริสต์มาส ซึ่งนับเป็นการเมินความช่วยเหลือจาก EU ที่ก่อนหน้านี้อัดฉีดเงินช่วยเหลือเพื่อที่จะบรรเทาและคลี่คลายปัญหาหนี้สินของกรีซ ส่งผลให้เจ้าหนี้กลุ่มยูโรโซนทั้งหลายอาจพิจารณาระงับเงินช่วยเหลือดังกล่าว อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีฝรั่งเศสมีความพยายามที่จะไกล่เกลี่ยในประเด็นดังกล่าว (Reuters)
เอเชีย:
- ญี่ปุ่นแซงหน้าจีนในการเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วมาจากแนวโน้มการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของประเทศต่างๆ ซึ่งนำโดยจีนเป็นหลักเพื่อพยุงค่าเงินหยวนเอาไว้ โดยญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มากที่สุดอยู่ที่ 1.131 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ณ สิ้นเดือนต.ค. ตามด้วยจีนเป็นอันดับสองที่ 1.115 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนต.ค. พบว่าจีนขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมามากที่สุดที่ 1.034 แสนล้านดอลลาร์ฯ หรือลดลง 10.5% (Reuters)
- เงินหยวนเมื่อวันพฤหัสบดีอ่อนค่าลงเทียบดอลลาร์ฯ สู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 8 ปี หลังจาก Fed ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ส่งผลให้ดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้แสดงถึงความกังวลแต่อย่างใดเนื่องจากมองว่าเงินหยวนจะถูกขับเคื่อนด้วยภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ถึงภาวะความแข็งแกร่งดังกล่าว (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์:
- น้ำมันดิบสหรัฐกลับมาเป็นบวกหักล้างการเป็นลบช่วงต้นวันได้ในวันพฤหัส หลังจากไม่สามารถหล่นลงไปต่ำกว่าแนวรับทางเทนิคอลได้ สมาชิก OPEC บอกลูกค้าว่าจะลดกำลังการผลิตเพื่อลดอุปทานล้นเกิน น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 36 เซนต์หรือ +0.7% ปิด 54.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบ ม.ค. ปิดบวก 19 เซนต์ต่อบาร์เรล (+0.4%) อยู่ที่ 51.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
- ราคาทองคำแตะจุดต่ำสุดนับแต่ ก.พ. ในวันพฤหัส เพราะ Fed ได้พูดเชิงจะขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐต่อไป ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นและทำให้ดอลลาร์ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี ราคาทองคำตลาดจรแตะจุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือนครึ่งที่ 1,126.48 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปิดลบ 1.3% ที่ 1,129.47 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคาล่วงหน้าสหรัฐปิดลบ 32.70 ดอลลาร์หรือ -2.8% ปิดที่ 1,131.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094