- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 December 2016 17:28
- Hits: 3324
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้'ขายก่อนเฟดขึ้นดอกเบี้ย'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงขายทำกำไรออกมาหลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 5 วันทำการ รวมถึงเป็นการลดความเสี่ยงจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ BBL ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทาง Fox กรณีหนังสือค้ำประกันมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท (ทำให้กลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงไปกว่า 1.3%) โดยกลุ่มที่ปรับตัวลดลงแรงได้แก่กลุ่มกลุ่มปิโตรเคมีลดลง 1.9% บันเทิงลดลง 1.8% ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่กลุ่มธุรกิจการเกษตร (+5%) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 8.96 จุด (-0.6%) มาอยู่ที่ 1,521.25 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายที่ระดับ 49,272 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(-) FED ประกาศขึ้นดอกเบี้ยรอบการประชุมเดือน ธ.ค. 59 อีก 0.25% มาอยู่ที่ 0.75% และส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 60 อีก 3 ครั้ง ส่งผลให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น (Dollar Index วานนี้ +1.13%Day) และดัชนีหุ้น DJIA ลดลงไป 0.6%Day มาปิดที่ 19,792 จุด
(-) น้ำมันดิบ WTI วานนี้ลดลง 1.94 US/Barrel หรือลบไป 3.7%Day มาปิดที่ 51.04 US/Barrel หลังรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือน พ.ย. ของกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้น 1.5 แสนบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 33.87 ล้านบาร์เรล/วัน
(+) EIA เผยสต๊อคน้ำมันดิบ ลดลงไป 2.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด
(+) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดเพิ่มขึ้น 1.8%Day มาปิดที่ 87.55 จุด และ +73%YTD มองเป็นบวกต่อ BANPU, LANNA
(+) ราคายาง TOCOM วานนี้ +5.6%Day มาอยู่ที่ 282.3 Yen/Kg. และเพิ่มขึ้น 92% YTD มองบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยางทั้ง STA, NDR, TRUBB
(+) ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot Roll Coil) ยังแข็งแกร่งที่ระดับ 575 US/Tons (เทียบสิ้น 3Q59 อยู่ที่ 496 US/Tons) หรือบวกเพิ่มขึ้น 16% จากสิ้นไตรมาส 3/59 คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเหล็ก PERM, PAP, TMT, AMC, MCS
(+) กฟน. เตรียมย้ายสายไฟลงใต้ดินอีก 2 โครงการในปี 60 คือ ถนนราชปรารภ และถนนพระราม 1 มองเป็นบวกต่อ ILINK, CTW, ARROW
(+) สมาคมกุ้งไทยเผยแนวโน้มส่งออกกุ้งปี 60 จะโต 10-15%YoY หลังแก้ปัญหาโรคตายด่วนได้ (บวกต่อกลุ่มส่งออกอาหาร CFRESH, TU, CPF)
(+/-) FOX ฟ้องร้อง BBL เกี่ยวกับการค้ำประกันให้ GMM และ CTH จำนวน 2.5 พันลบ. ขณะที่ GRAMMY แย้งว่ายอดหนี้มีเพียง 220 ลบ.
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ลุ้นประกาศผู้ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มสัญญาที่ 5 วันที่ 15 ธ.ค. นี้
ประชุมธนาคารกลาง BOE (15ธ.ค.), BOJ (20 ธ.ค.) และกนง. (21 ธ.ค.)
ประกาศหุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 วันที่ 15-16 ธ.ค. (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์และ CPI ของสหรัฐ (15 ธ.ค.), ดุลบัญชีการค้าญี่ปุ่น (19 ธ.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน'ซึมๆ'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากที่ FED การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และปรับคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นในปีหน้า สร้างโมเมนตัมลบต่อตลาดทุนและสร้างความผันผวนในตลาดปริวรรตเงินตรา ค่าเงินเยนอ่อนค่าเป็นผลลบต่อกลุ่มที่ลงทุนและขายสินค้าไปสู่ญี่ปุ่น ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบ USD เป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก เราแนะนำเก็งกำไรสั้นกลุ่มที่มีปัจจัยเฉพาะตัวเด่น โดยมองดัชนีจะมีโอกาสอ่อนตัวจากเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรไหลกลับ
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
SCB เก็งกำไร
วันนี้ลุ้นประเด็นศาลล้มละลายกลางพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ซึ่งถ้าผ่านแผน Coverage Ratio จะเพิ่มขึ้นจาก 129% เป็น 145%
4Q59 มีโอกาสที่จะตั้งสำรองลดลง 2 พันลบ. จากกรณี SSI
มูลค่าพื้นฐานระยะยาวอยู่ที่ 165 บาท (เทียบเท่า PBV ปี 60 1.55 เท่า)
BANPU เก็งกำไร
ปริมาณการผลิตถ่านหินในจีนเดือน พ.ย. 308 ล้านตันเพิ่มขึ้น 9% แต่น้อยกว่าการผ่อนคลายของรัฐบาลจีนที่เพิ่มจำนวนวันผลิตให้
ประเมินแนวโน้มกำไรปี 60 สูง 1.3 หมื่นลบ. (EPS 2.61 บาท)
แนะนำซื้อที่ราคาพื้นฐาน 26.25 บาท (เทียบเท่า PE ปี 60 ที่ 10 เท่า)
ทีมวิเคราะห์