- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 December 2016 19:03
- Hits: 2331
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ช๊อปช่วย SET'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงบ่ายหลังได้รับปัจจัยบวกจากผลการประชุม ครม.ที่อนุมัติมาตรการลดภาษีจากการซื้อสินค้า รวมกับปัจจัยบวกของกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันยังคงเดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นได้แก่กลุ่มธุรกิจการเกษตร (+1.6%) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อของหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจยางพารา (STA TRUBB) ICT (+0.8%) ที่คาดว่าจะมียอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากมาตรการข้างต้น ส่วนกลุ่มพลังงาน (+0.4%) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.89 จุด (+0.3%) มาอยู่ที่ 1,530.21 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายที่ระดับ 49,796 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) DJIA เดินหน้าทำ All Time New High อย่างต่อเนื่องใกล้ 20,000 จุด มาปิดที่ 19,911.21 จุด +0.58%Day จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในปีนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 0.3% Day มาอยู่ที่ 52.98 US/Barrel หลังจาก IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 120,000 บาร์เรล/วัน และปีหน้าเพิ่มขึ้นอีก 110,000 บาร์เรล/วันจากการปรับขึ้นอุปสงค์น้ำมันของรัสเซียและจีน
(+) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดเพิ่มขึ้น 0.35%Day มาปิดที่ 86 จุด และ +70%YTD มองเป็นบวกกับ BANPU, LANNA
(+) ราคายาง TOCOM วานนี้ +6.7%Day มาอยู่ที่ 267.3 Yen/Kg. และเพิ่มขึ้น 81% YTD มองบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยางทั้ง STA, NDR, TRUBB
(+) วานนี้ครม.อนุมัติมาตรการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่น คาด 18 วัน เงินสะพัด 2 หมื่นล้านบาท เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก CPALL, HMPRO, ROBINS, GLOBAL, BJC, BIGC, MAKRO, COM7, JMART
(+) ครม.อนุมัติ Action Plan 36 โครงการ มูลค่า 9 แสนลบ. เพื่อหนุน GDP ให้โตได้อีก 1% และวันนี้จะมีเปิดประมูลขายซองรถไฟรางคู่ 5 เส้นทาง มูลค่า 9 หมื่นลบ. มองเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา CK, STEC, ITD, UNIQ
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบ ก.พ. ลดลง 6.8 US (-0.6%Day) มาอยู่ที่ 1,159 US/ออนซ์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ลุ้นประกาศผู้ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มสัญญาที่ 5 วันที่ 15 ธ.ค. นี้
การประชุมธนาคารทั่วโลก FED (คืนนี้), BOE (15ธ.ค.), BOJ (20 ธ.ค.) และ กนง. (21 ธ.ค.)
ประกาศหุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 วันที่ 15-16 ธ.ค. (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
เม็ดเงินไหลเข้าจาก LTF-RMF ประมาณ 2-3 หมื่นลบ. ในเดือนนี้
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.ของสหรัฐ (14 ธ.ค.), สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐ (14 ธ.ค.) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์และ CPI ของสหรัฐ (15 ธ.ค.),
กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ เพื่อจับตารอการตอบสนองต่อผลการประชุม FED อีกทั้งเรามองว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มจะชะลอความร้อนแรงหลังจากปรับบวกขึ้นมา 20% จากต่ำสุดในเดือน พ.ย. เรามองว่าตลาดจะลดความสนใจในหุ้นกลุ่มพลังงานและสลับมาเก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยใหม่ๆ เช่น กลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช๊อปช่วยชาติ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างซึ่งได้โมเมนตัมบวกจากงานภาครัฐที่ทยอยออกมามากขึ้น สำหรับระยะกลางยังคงมองความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะกระทบ Sentiment การลงทุนในตลาดทุน และคาดจะกระทบต่อเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรไหลกลับ
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
HMPRO เก็งกำไร
มองเป็นผู้ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ตลาดคาดกำไร 4Q59 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY
ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ PER 34 เท่า PBV 8.3 เท่า
JMART เก็งกำไร
ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จากการที่กลุ่มบริษัทจำหน่ายสินค้าทั้ง มือถือ, กล้อง, เครื่องใช้ไฟฟ้า
เตรียมเพิ่ม Line สินค้ากล้องถ่ายรูปให้ครบ 90 สาขา (ปจบ. มี 30 สาขา)
IAA Consensus คาดกำไรปี 59 โต 30% ทำให้ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 59 19 เท่า และปี 60 คาดว่าจะเหลือ 14.6 เท่า
ทีมวิเคราะห์