- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 December 2016 17:11
- Hits: 2342
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อตามค่าบวก'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวันศุกร์ปิดทรงตัวที่ 1526.32 จุด นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนวันหยุดยาว และระวังก่อนการประชุมเฟดวันที่ 13-14 ธ.ค.59 นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ แต่ไม่มาก สถาบันในประเทศ & รายย่อยขายทำกำไร สำหรับปัจจัยหลัก/ติดตามในตลาดช่วงนี้ ได้แก่
+ 13 ประเทศนอกกลุ่มโอเปกมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลง 0.558 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมเมื่อ 10 ธ.ค.59 ... เป็นบวกกับกลุ่มพลังงาน หุ้นเด่นของเรา คือ PTT, BPC, PTTGC ส่วน PTTEP ราคาหุ้นเกินเป้าหมายแล้ว จึงเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น
ติดตามผลประชุมเฟดวันที่ 13-14 ธ.ค. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%...ผลสำรวจระบุโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้สูงถึง 98%
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) อ่อนลงก่อนประชุมเฟด...ตอบรับกระแสคาดการณ์ข้างต้น
+ คาดครม.พิจารณามาตรการชอปช่วยชาติสัปดาห์นี้...เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก หุ้นเด่น คือ BIG, COM7, ROBINS
+ เปิดซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 4 สัญญาแล้ว ผู้รับเหมาฯใหญ่ได้งานถ้วนหน้า...หุ้นเด่น CK, STEC
+ มีกระแสข่าวว่า CPALL เจรจากับ AIS เรื่องขายบัตรวันทูคอล...เป็นบวกกับทั้ง ADVANC (ราคาพื้นฐาน 154 บาท) และ CPALL (ราคาพื้นฐาน 75 บาท)
+ แรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายปลายเดือนธ.ค.ช่วยพยุงตลาด
กลยุทธ์ : การซื้อเล่นรอบยังเน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงราคาปรับฐาน/อ่อนตัว หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น GFPT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณค่อนไปทางบวก (ดัชนีปิดขยับขึ้นเล็กน้อยและเหนือ SMA10) ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ค่อยดี ลดพอร์ตตาม/ตัดขายขาดทุนเมื่อ SET หลุด 1510 จุด แนวต้านระยะสั้น 1530-1540, 1550 จุด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
สหรัฐ : ประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.นี้
คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) จะประชุม 13-14 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี โดยครั้งแรกปรับขึ้นเมื่อปลายปี 58 สำหรับผลสำรวจล่าสุดของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
+ น้ำมันดิบ : ประเทศนอกกลุ่มโอเปกตกลงลดการผลิต 0.558 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อ 10 ธ.ค.59 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 13 ประเทศนั้น ได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะปรับลดอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ก่อนหน้าประเทศในกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงลดปริมาณการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วันไปก่อนหน้านี้ในการประชุมอย่างเป็นทางการเมื่อ 30 พ.ย.59
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่อ ... กลุ่มพลังงานหนุน แต่นักลงทุนระวังก่อนประชุมเฟด
ดัชนี DJIA ปิดที่ 19,796.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.58 จุด หรือ +0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,412.54 จุด ลดลง 31.96 จุด หรือ -0.59% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,256.96 จุด ลดลง 2.57 จุด หรือ -0.11% หนุนโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.นี้
+ ราคาน้ำมันดิบ : พุ่งขึ้น 2.5-2.6%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 52.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการขานรับการบรรลุข้อตกลงในการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มนอกโอเปก 13 ประเทศ ทำให้ความกังวลเรื่องอุปทานสูงผ่อนคลายลง
ราคาทองคำ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ระดับ 1,165.80 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.นี้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ คาดมาตรการชอปช่วยชาติจะออกมาสัปดาห์นี้
เราและตลาดคาดการณ์ว่าสัปดาห์นี้ครม.จะพิจารณามาตรการชอปช่วยชาติ โดยประเมินว่าจะให้นำค่าซื้อสินค้าที่มีใบกำกับภาษีถูกต้องตามกฎหมายมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท/คน ส่วนระยะเวลามาตรการน่าจะเป็นช่วง 14-31 ธ.ค.59 (โดยไม่น่าจะน้อยกว่า 2 สัปดาห์) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีระยะเวลา 7 วัน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV Retail Research : คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงโค้ง
สุดท้ายของปีนี้ให้คึกคักขึ้น ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก หุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์ของเราเป็น BIG, COM7, ROBINS
+ ประกาศผลประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม...ผู้รับเหมารายใหญ่ได้งานถ้วนหน้า
ผลประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นดังนี้… กลุ่ม CKST JV (CK+STEC) ได้สัญญา 1 และ 2 มูลค่า 42,270 ล้านบาท, ITD ได้สัญญา 3 มูลค่า 18,598 ล้านบาท และ UNIQ ได้สัญญา 4 และ 6 มูลค่ารวม 13,749 ล้านบาท หลังจากนี้จะมีการเจรจาต่อรองราคาและลงนามในสัญญา ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณเดือนก.พ.-มี.ค.60 ติดตามผลการเปิดซองเทคนิคและราคาสัญญา 5 ในสัปดาห์นี้ต่อ โดยคาดว่าจะเปิดวันที่ 15 ธ.ค.59 ...สำหรับหุ้นเด่นของเราเป็น CK (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) และ STEC (ราคาพื้นฐาน 31 บาท)
+ CPALL (ราคาปิด 60 บาท) : กำลังเจรจาเรื่องขายบัตรเติมเงินวันทูคอลกับ AIS
มีกระแสข่าวว่า CPALL กำลังเจรจากับ AIS ในการกลับมาขายบัตรเติมเงินวันทูคอล เนื่องจากหากยกเลิกจากมีผลกระทบต่อรายได้ 800-1,000 ล้านบาท/ปี
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV Retail Research : เราประเมินว่าหาก CPALL ยกเลิกการขายบัตรเติมเงินจะส่งผลกระทบต่อกำไรของ CAPLL ประมาณ 0.2% ของรายได้รวม แต่กระทบกำไรสุทธิในสัดส่วนที่สูงกว่า คือ ราว 1.5-1.8% ของกำไรสุทธิ เพราะธุรกิจในส่วนนี้คาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิสูง ซึ่งการเจรจาเพื่อเดินหน้าธุรกิจต่อถือเป็นเรื่องดีกับทั้ง ADVANC (ราคาพื้นฐาน 154 บาท) และ CPALL (ราคาพื้นฐาน 75 บาท)
+ BIG (ราคาปิด 5.40 บาท) : ได้ประโยชน์จากชอปช่วยชาติ & งานโฟโต้แฟร์ & High season ท่องเที่ยว
เราคาดการณ์ว่ายอดขายของบริษัทจะดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากมีปัจจัยกระตุ้นทั้งจากมาตรการชอปช่วยชาติของรัฐบาล (ซึ่งคาดว่าจะให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่มีใบกำกับภาษีถูกต้องในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้มาลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท/คน) มียอดขายจากงานโฟโต้แฟร์ช่วยหนุน รวมทั้งไตรมาส 4 และไตรมาส 1 เป็นช่วง High season ของการท่องเที่ยวทำให้ความต้องการซื้อกล้องจะสูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ทาง DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 59 ของบริษัทจะเติบโตแข็งแกร่ง 85% ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อเก็งกำไร (เล่นสั้น) การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 6.0, 6.5-7.0 บาท และ Stop loss ถ้าหุลด 4.80 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]