WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  Sideway Up : คาดดัชนีปรับตัวขขึ้นในวันนี้ โดยเรามองว่าประเด็นการประชุมเฟดในช่วง 13 – 14/12/59 นี้  ตลาดได้สะท้อนปัจจัยเข้าไปเกือบหมดแล้ว โดยตลาด FED Fund Future ได้สะท้อนความน่าจะเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ถึง 95% (คาดเพิ่มดอกเบี้ยจากกรอบ 0.25-0.50% เป็น 0.50-0.75%) ขณะที่ประเด็นการปรับลดกำลังการผลิตทั้งจากลุ่ม OPEC และ Non-OPEC จะเป็นตัวจำกัด Down Side ของตลาดในช่วงถัดจากนี้ 
  ด้านประเด็นในประเทศแม้ว่าจะเห็นภาพเศรษฐกิจที่ชะลอลงบ้างในระยะสั้น สะท้อนจาก  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย. ที่ลดลงมาอยู่ที่ 50.8 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 52.0 เป็นการลดเดือนที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมๆ กับการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตในเดือน พ.ย.  ที่ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นเดือนที่สอง แต่ก็สามารถให้เหตุผลได้ว่าเป็นช่วงไว้ทุกข์ของชาวไทย ซึ่งหากมองในแง่ดีจะเป็นการสร้างฐานต่ำไว้ เพื่อรอรับการกระตุ้นจากภาครัฐ โดยวันนี้แนะติดตาม มาตรการ “ช็อปช่วยชาติ” ที่จะเข้าครม ในวันนี้
       แนะติดตามการประชุมของเฟด 13 – 14/12/59 คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งคาดอาจส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย คาดอาจได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) ในช่วงปลายปี ขณะที่ล่าสุดต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แม้มูลค่าไม่มากนัก
       ทางด้านเงินสหรัฐฯ คาดยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ภายใต้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ข้างต้น และความคาดหมายนโยบายของทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่ง 20/1/60) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดยังเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
       ส่วนประเด็นในประเทศ คาดภาพรวม Sentiment ยังเป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้ทุกกลุ่ม รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในเดือนธ.ค. จำนวน 15,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี จากก่อนหน้าที่ 15,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท 


ซึ่งโดยภาพรวมคาดยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโรงแรมและค้าปลีก 
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60 ล่าสุด รฟม. เปิดเผย กิจการร่วมค้า BSR (BTS, STEC และ RATCH) เป็นผู้ผ่านการประเมินสูงสุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง คาดหลังจากนี้เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง และแนะติดตามการเปิดซองประมูล (เทคนิค) ตามกำหนดเดิมในวันนี้ (9/12/59) ที่คาดอาจมีแรงเก็งกำไรเข้ามาใน ITD, CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น 

SET SET50 SET100
1,526.32 +0.91 954.37 +0.69 2,155.95 +1.56

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +39.58, NASDAQ -21.61, S&P -2.57, FTSE -63.79 CAC -3.30 และ DAX -13.42
  ตลาดหุ้นสหรัฐ ทรงตัว โดยภาพรวมนักลงทุนได้ขายทำกำไรในกลุ่มการเงิน ก่อนการประชุมเฟดที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ ซึ่งลดทอนแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมัน ที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากกลุ่ม Non-OPEC นำโดยรัสเซียสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตลงได้ 558,000 บาร์เรลต่อวัน ในการประชุมช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา    
  ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยนักลงทุนบางส่วนต้องการ รอฟังถ้อยแถลงจากเฟดหลังการประชุม 13 – 14/12/59 ถึงแนวโน้มดอกเบี้ยในปีหน้า โดยตลาดคาดว่าเฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 0.25-0.50% เป็น 0.50-0.75% ในการประชุมครั้งนี้
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$1.33 อยู่ที่ US$52.83 ต่อบาร์เรล หลังกลุ่ม Non-OPEC ตกลงลดกำลังการผลิตได้ที่ 558,000 บาร์เรลต่อวัน พร้อมๆ กับที่ ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากเดิมที่ได้ตกลงกับกลุ่ม OPEC ไว้ก่อนหน้า
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$3.90 อยู่ที่ US$1,165.80 ต่อออนซ์ หลัง Dollar Index (ตะกร้าเงินดอลลาร์) อ่อนลงราว 0.5% วานนี้ สะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่า เฟดอาจมีท่าทีรอมชอมมากขึ้นหลังจากการประชุม ในวันที่ 13 – 14/12/59 ที่คาดการกันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเป็นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +374 ล้านบาท สะสม YTD  +80,802 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.34 1.93 3.08

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,866.49 ล้านบาท
สถาบัน -674.19
บัญชีหลักทรัพย์ 729.81
ต่างประเทศ 373.76
ในประเทศ -429.38

ประเด็นที่ต้องติดตาม 13 - 16 ธ.ค. 2559       
13/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.
   ประชุมเฟด  - วันแรก

14/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.
   ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.
   การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต - พ.ย.
   สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.
   สต็อกน้ำมัน
   เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน

15/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
   ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.
   ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2016
   ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค.
   ผลสำรวจดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติกเดือนธ.ค.
   ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.
   เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯของต่างชาติเดือนต.ค.

16/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
  (5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
  (6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท 
  (7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี  +0.0127 อยู่ที่ 2.4767% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.89 อยู่ที่ 12.64
  หุ้นแนะนำ : CPN

นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค   โทร .02-684-8796

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!