- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 December 2016 16:51
- Hits: 1251
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยสัปดาหที่ผ่านมา 'ต่างประเทศกลับมาซื้อ'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถยืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งสัปดาห์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดหมายถึงการประชุม ECB ที่จะขยายมาตรการ QE ต่อไป รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกในประเด็นการลดกำลังการผลิตน้ำมันลง นอกจากนี้ตลาดยังได้รับผลดีจากเงินทุนที่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นผ่านยอดการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศที่ซื้อเข้ามา 4 วันทำการติดต่อกัน (รวมมูลค่ากว่า 2,900 ล้านบาท) โดยปิดตลาดวันศุกร์ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.91 จุด (+0.1%) มาอยู่ที่ 1,526.32 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายที่ระดับ 43,866 ล้านบาท และรวมทั้งสัปดาห์ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.66 จุด (+1.6%)
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) DJIA ยังคงเดินหน้าทำ All Time New High ที่ 19,796.43 จุด (+0.2%Day เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.33% Day มาอยู่ที่ 52.83 US/Barrel จากประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 13 ประเทศได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน
(+) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดเพิ่มขึ้น 1.6%Day มาปิดที่ 85.70 จุด และ +69%YTD มองเป็นบวกกับ BANPU, LANNA
(+) ราคายาง TOCOM บวกจากเมื่อวันศุกร์ 4.6%Day มาอยู่ที่ 250.6 Yen/Kg. และเพิ่มขึ้น 70% YTD มองบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มยางทั้ง STA, NDR
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบ ก.พ. ลดลง 3.9 US (-0.34%Day) มาอยู่ที่ 1,165.80 US/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
(-) ผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า มีโอกาส 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปีนี้
(-) ยอดจองรถงานมหกรรมยานยนต์ 3.2 หมื่นคัน (ต่ำเป้า) ลดลง 17.1% YoY เพราะรถใหม่หลายรุ่นเลื่อนการเปิดตัวออกไป มองเป็นลบต่อกลุ่มยานยนต์
(-) แบงก์ชาติเผยยอดช่วยเหลือลูกหนี้ SME ที่โดนพิษเศรษฐกิจพุ่งแตะ 2 แสนล้าน และคาดว่า NPL ทั้งระบบปีหน้ามีโอกาสแตะ 3% มองเป็นลบต่อกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ประชุม ครม. วันนี้ ลุ้นมาตรการช็อปช่วยชาติ วงเงิน 15,000 บาท
การประชุมธนาคารทั่วโลก FED รอบธ.ค. (13-14 ธ.ค.), BOE (15ธ.ค.), BOJ (20 ธ.ค.) และ กนง. (21 ธ.ค.)
ลุ้นประกาศผู้ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มสัญญาที่ 5 วันที่ 15 ธ.ค. นี้
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
เม็ดเงินไหลเข้าจาก LTF-RMF ประมาณ 2-3 หมื่นลบ. ในเดือนนี้
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.ของสหรัฐ (14 ธ.ค.), สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐ (14 ธ.ค.) ยอดการว่างงานและ CPI ของสหรัฐ (15 ธ.ค.),
กลยุทธ์การลงทุน “พลังงานตามต่างประเทศ”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโมเมนตัมของกลุ่มพลังงาน ที่ได้อานิสงค์จากการลดกำลังผลิตเพิ่มเติมจากการลดการผลิตจากกลุ่ม Non-OPEC (13 ประเทศ) ตั้งเป้าลดกำลังผลิตลง 6 แสนบาร์เรล/วัน แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวมาก่อนหน้าแล้วแต่เราคาดว่าการร่วมมือกันระหว่างกลุ่ม Non-OPEC ซึ่งนำโดยรัสเซียจะช่วยหนุนโมเมนตัมบวกของราคาน้ำมันให้แกว่งบวกขึ้นไปในช่วงปลายปี เราแนะนำ เก็งกำไรสั้น กลุ่มพลังงาน โดยมองความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะกระทบมุมมองการลงทุนในหุ้นจาก Yield Gap ที่ลดลงจากดอกเบี้ยของหุ้นกู้ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นตาม
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
PTT เก็งกำไร
เตรียมนำ PTTOP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
กลุ่ม OPEC และกลุ่ม Non-OPEC ลดการผลิตช่วยหนุนราคาน้ำมัน
คาดได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปี 60
PTTGC เก็งกำไร
PTT เตรียมโอนธุรกิจปิโตรเคมีให้ PTTGC ภายในปี 60
เป้ารายได้เติบโต 22% ในปี 60 จากการที่มีแผนการซ่อมบำรุงน้อยลง
PTTGC คาดค่าการกลั่นปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 5.4 เหรียญต่อบาร์เรล
ทีมวิเคราะห์