- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 December 2016 16:43
- Hits: 1267
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยิ่งใกล้เป้าหมาย ยิ่งผันผวน แต่รอทยอยขายช่วงบวกได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ขยับบวกต่อได้ในช่วงเช้า ก่อนที่จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันจนย้อนลงเคลื่อนไหวเป็นลบตั้งแต่ช่วงสาย หลังดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมาพอควรในช่วงที่ผ่านมา และจะติดวันหยุดต้นสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศโอเปกและนอกโอเปกในวันเสาร์ที่ 10 ธ.ค.ด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นสหรัฐยังปิดบวกต่อเนื่องที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่รับข่าวข้อตกลงเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต ซึ่งเช้านี้ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มพลิกกลับมาขยับบวกได้บ้าง หลังวานนี้(12 ธ.ค.) ตลาดหุ้นไทยปิดทำการในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดเป็นลบ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ทำให้นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้อยู่ ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวผันผวน และอาจอ่อนตัวลงอีกได้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมาพอควรในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามกรอบการลบน่าจะยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ค่าเงินบาทก็ชะลอการอ่อนตัว และมีจังหวะแข็งค่าให้เห็นด้วย
กลยุทธ์ : SET ยังมีลุ้นขึ้นต่อได้ ดังนั้นสามารถรอทยอยขายช่วงบวกต่อไป
แนวรับ 1524-1520 , 1518-1513 จุด
แนวต้าน 1528-1530 , 1533-1535 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WIIK , JWD , KTC(short)
Fund Flow วันศุกร์และวันจันทร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค 362ล้าน นำโดยไต้หวัน US$246ล้าน เกาหลีใต้ US$148ล้าน และไทย US$10.5ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$28ล้าน และเวียดนาม US$11ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางผันผวนมากขึ้น ส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายเพื่อรอผลประชุม FOMC ในคืนวันนี้-พรุ่งนี้ ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ติดตามดูทิศทางในปีหน้า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 3% หลังผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงลดการผลิต ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มผู้ผลิตโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงร่วมกันลดการผลิตลงได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001 โดยผู้ผลิต Non-OPEC จะลดปริมาณการผลิตลง 558 พันบาร์เรล/วัน มากที่สุดที่เคยเกิดขึ้น ขณะที่กลุ่ม OPEC ก่อนหน้านี้ตกลงกันลดการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ในปี 2017 อุปทานจะลดลง 1.76 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน แนะนำ PTT (ราคาพื้นฐาน 380 บาท) PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท)
(0) ตลาดรอผลประชุม Fed แม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 13-14 ธ.ค. นี้และการขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้าจะ priced in ในตลาดและนักลงทุนปรับพอร์ตรองรับสถานการณ์นี้ไปบ้างแล้ว แต่ Flow ยังคงนิ่งรอผลคาดการณ์เศรษฐกิจชุดใหม่และ Dot plot (มุมมองดอกเบี้ยของกรรมการแต่ละคน) อันใหม่หลัง Trump ชนะการเลือกตั้ง ว่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร หาก Fed มองการขึ้นดอกเบี้ย aggressive กว่าเดิม ตลาดหุ้น EM จะปรับฐานและเงินไหลออกอีกครั้ง แต่เรายังเชื่อตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งกว่าตลาดเพื่อนบ้านด้วยทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
(+) สัญญาที่ 5 ของรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเปิดซองราคาสัปดาห์นี้ ศุกร์ที่ผ่านมารฟม.ประกาศผู้เสนอราคาต่ำสุดของสายสีส้มฝั่งตะวันออก ปรากฎว่า CKST (CK & STEC) ได้สัญญาที่ 1-2, ITD ได้สัญญา 3, UNIQ ได้สัญญา 4 และ 6 ส่วนสัญญา 5 วงเงิน 4.9 พันล้านบาทจะเปิดซองราคาในสัปดาห์นี้ มีผู้เข้าชิง 3 รายคือ CKST, ITD, UNIQ คาดเซ็นสัญญาทั้ง 6 สัญญาได้ใน ก.พ.-มี.ค. 2017 ส่วนการประมูลหา Operator ผู้เดินรถของสายสีส้มทั้งฝั่งตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) และตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน) คาดประมูลปลายปีหน้า เรายังชอบ CK (ราคาพื้นฐาน 44 บาท) มากที่สุด
(+) BEM การเจรจาระหว่างรฟม.และ BEM เรื่องผลตอบแทนและส่วนแบ่งรายได้ของการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย “บางซื่อ-ท่าพระ” และ “หัวลำโพง-บางแค” 27 กม. 21 สถานี มูลค่า 22,895 ล้านบาท จะได้ข้อสรุปภายใน 18 ธ.ค. นี้ เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 12 บาทรวมส่วนต่อขยายของสีน้ำเงินแล้ว
(+) FSMART เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 22 บาทจากเดิม 19.50 บาท หลังปรับกำไรปีนี้ขึ้นเป็นเติบโต 50% และปรับกำไรปี 2017-18 ขึ้น 10-14%เป็นโตเฉลี่ย 33% ต่อปี จากความเป็นผู้นำในธุรกิจเติมเงินมือถือผ่านตู้บุญเติม และได้อานิสงส์จากการที่ร้าน 7-11 ไม่ขายบัตร/สลิปเติมเงินมือถือของ AIS ตั้งแต่ ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้ามาเติมเงินผ่านตู้บุญเติมแทน แม้ 2017PE ที่ 27 เท่า จะสูงไม่แพ้หุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่ FSMART เป็น Growth stock ที่กำไรโตสูงเฉลี่ยปีละ 77% นับตั้งแต่เข้าตลาดฯในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและยังไม่หยุดเติบโต PEG คิดเป็นเพียง 0.7 เท่า เรายังคงชอบและแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13-14ธ.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
13 ธ.ค. -จีน:Industrial Production (พ.ย.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey (ธ.ค.)
14 ธ.ค. - ญี่ปุ่น:ดัชนี Tankan (4Q16)
- ยูโรโซน:Industrial Production (ต.ค.)
15 ธ.ค. - เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BoK)ประชุม
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
16 ธ.ค. -สหรัฐ:Housing starts, Building permits (พ.ย.)
20 ธ.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
21 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ:ยอดขายบ้านเก่า (พ.ย.)
22 ธ.ค. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- สหรัฐ: 3Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย ตลาดคาดดีขึ้นเล็กน้อยจาก 3.2%เป็น 3.3%)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวผสม แต่ DJIA ยังขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุม FED ในช่วง 2 วันนี้
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในอิตาลีที่ยังมีความไม่แน่นอน ขณะที่นักลงทุนยังรอดูผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนต่างจับตาดูการประชุม FED ในสัปดาห์นี้
(0) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 35.55-35.70 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. พุ่งขึ้น 1.33 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.83 ดอลลาร์/บาร์เรล และสูงสุดในรอบ 8 เดือนหลังกลุ่ม Non-OPEC จะปรับลดกำลังการผลิต 558,000 บาร์เรลต่อวัน จากการประชุมร่วมกันกับ OPEC เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 3.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,165.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุม FED ในช่วง 2 วันนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch