- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 December 2016 17:23
- Hits: 3456
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อใหม่ตามค่าบวก/ถือเมื่อ SET เหนือ 1510'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิด +4.88 จุดที่ 1525.41 โดยมีปัจจัยหนุน คือ ความหวังว่า ECB จะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม รวมทั้งมีการเข้าซื้อหุ้น Big cap ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลังราคาอ่อนลงมาพอควรแล้ว เช่น KBANK,SCB, BBL เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มเป็น 1.06 พันล้านบาท สถาบันในประเทศ & พอร์ตบล.ซื้อสุทธิเช่นกัน ส่วนรายย่อยขายสุทธิ สำหรับปัจจัยหลัก/ติดตามในตลาดช่วงนี้ ได้แก่
+ คณะกรรมการ ECB มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ -0.4% และขยายมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือนเป็นสิ้นสุดธ.ค.60
•/+ จับตาผลประชุมกลุ่มโอเปก & นอกกลุ่ม 10 ธ.ค.ว่าประเทศนอกโอเปกจะลดการผลิต 0.6 ล้านบาร์เรล/วันหรือไม่
• ติดตามผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า 13-14 ธ.ค.59 ... สิ่งที่ควรระวัง คือ Sell on fact ถ้าผลประชุมออกมาตามคาด (คือปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25%)
+ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีกได้อานิสงค์ทางบวกจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุน Overweightกับสองกลุ่มนี้ หุ้นเด่น คือ AOT, ERW, CPALL, COM7, ROBINS
+ แรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายปลายเดือนธ.ค.ช่วยพยุงตลาด
กลยุทธ์ : การซื้อเล่นรอบยังเน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงราคาปรับฐาน/อ่อนตัว หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น AOT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก (ปรับขึ้นต่อและเหนือ SMA10) ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ค่อยดี ลดพอร์ตตาม/ตัดขายขาดทุนเมื่อ SET หลุด 1510 จุด แนวต้านระยะสั้น 1530-1540, 1550 จุด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ยูโรโซน : ECB คงดอกเบี้ยไว้ที่ -0.4% และขยาย QE ออกไปอีก 9 เดือนในวงเงินรวมที่เพิ่ม 12.5%ผลการประชุมล่าสุดของ ECB ออกมาว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017 (ซึ่งดีกว่าตลาดคาดไว้ว่าจะขยายถึงก.ย.2017) อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดวงเงินในโครงการ QEเป็น 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน (เดิม 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน) แต่เมื่อดูวงเงินโดยรวมแล้วจะเพิ่มขึ้นจาก 4.8 แสนล้านยูโรเป็น 5.4 แสนล้านยูโร
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานยังคงแข็งแกร่งตามคาดจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 258,000 รายสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
• สหรัฐ : จับตาการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.59ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลสำรวจของ CME Group FedWatchระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปรับขึ้น 0.2-0.4% ทำ Historical Highดัชนี DJIA ปิดที่ 19,614.81 จุด เพิ่มขึ้น 65.19 จุด หรือ +0.33% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,417.36 จุด เพิ่มขึ้น23.60 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,246.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.84 จุด หรือ +0.22% ตอบรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9เดือน
+ ราคาน้ำมันดิบ : บวกขึ้นราว 2%นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรสัญญาน้ำมันดิบก่อนการประชุมของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ยังผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ +2.2% ปิดที่50.84 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ +1.7% ปิดที่ 53.89 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดมีความหวังว่ากลุ่มประเทศนอกโอเปกจะลดการผลิตลง 0.6 ล้านบาร์เรล/วันหลังกลุ่มโอเปกตกลงลดไปแล้ว 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมเมื่อ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา
- ราคาทองคำ : ร่วงลงหลังดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นเมื่อเทียบยูโรสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่1,172.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยกดดัน คือ ค่าเงิน US$ ที่แข็งค่าขึ้นหลัง ECB ขยายโครงการ QE ออกไป 9 เดือนทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนลง และมีโอกาสสูงมากที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/- ราคาถ่านหินลดลงในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธ.ค.59
# ดัชนีราคาถ่านหิน NEX สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธ.ค.59 อ่อนลงเป็น 86.06 US$/ตัน จาก 91.21 US$/ตันเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนพ.ย.59 ที่ 105.96 US$/ตัน เนื่องจากอุปทานจากจีนเข้ามาในตลาดเพิ่ม หลังจากก่อนหน้านี้อยู่ในสภาวะตึงตัว
# เรามีมุมมอง Netral กับราคาถ่านหิน โดยประเมินว่าราคาที่ปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 49 US$/ตันเมื่อเดือนม.ค.59 ไปสูงสุดที่ 113 US$/ตันในกลางเดือนพ.ย.59 ได้สะท้อนการฟื้นตัวไปพอควรแล้ว การปรับขึ้นของราคาถ่านหินจากนี้ไปจะค่อนข้างจำกัด ถ้าไม่มี Supply shock เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ราคาที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้ผู้ประกอบการผลิตเพิ่ม ยังผลให้ Supply จะเข้ามามากขึ้น ส่วนคำแนะนำลงทุนเชิงกลยุทธ์สำหรับ BANPU ที่ราคาหุ้นปัจจุบัน18.50 บาท ให้เป็น Fully valued โดยเห็นว่าราคาหุ้นได้ปรับขึ้นสะท้อนการฟื้นตัวของราคาถ่านหินไปแล้ว
•/+ VNT (ราคาปิด 18.30 บาท) : อาซาฮี กลาสจะซื้อหุ้น 58% จาก Solvey ราคา 17.69-22.11 บาท/หุ้นมีรายงานข่าวบริษัท อาซาฮี กลาส จำกัด เตรียมซื้อหุ้น 58% ในบมจ.วีนิไทย (VNT) ซึ่งมีกลุ่ม Solvay ของเบลเยียมถือครองหุ้นอยู่ 58.77% โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อหุ้นดังกล่าวจะอยู่ที่ 4-5 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ352-440 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการซื้อหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับอาซาฮี กลาส
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : นับเป็นบวกกับราคาหุ้น VNT โดยราคาตลาดได้ปรับขึ้นไปรับขึ้นรับข่าวการซื้อขายนี้แล้ว ล่าสุดราคาหุ้น VNT อยู่ที่ 18.30 บาท/หุ้น ซึ่งใกล้เคียงกับราคาซื้อขายที่ระบุไว้ตามข่าวที่17.69-22.11 บาท/หุ้น ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนโครงการผู้ถือหุ้นใหญ่ใน VNT จริงก็อาจมีการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากสัดส่วนที่กลุ่มใหม่เข้ามานั้นเกิน 50%
ดีลการซื้อขายหุ้น VNT
มูลค่าดีล (ล้านUS$) 352 440
อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/US$) 35 35
มูลค่าดีล (ล้านบาท) 12,320 15,400
จำนวนหุ้นที่กลุ่ม Solvay ถือใน VNT (ล้านหุ้น) 697 697
สัดส่วนหุ้นที่กลุ่ม Solvay ถือใน VNT (%) 58.77% 58.77%
ราคาหุ้น VNT ที่จะซื้อขายกัน (บาท/หุ้น) 17.69 22.11
ที่มา : Aspen, DBSV Retail Research
•/+ TRC (ราคาปิด 1.49 บาท) : เลื่อนเซ็นสัญญางานเหมืองโปแตชไปเป็น 1Q60...แนวโน้มปี 60 ดีขึ้น
# นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC คาดว่ารายได้ปี 60 จะเติบโตอย่างมากแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท จากปี 59 ที่คาดว่าไว้ประมาณ 4.2 พันล้านบาท (ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4.7 พันล้านบาทเพราะงานใหม่เข้ามาเพียง 800 ล้านบาท) ส่วนกำไรสุทธิปี 59 คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงระดับ 306 ล้านบาทในปี 58 ด้าน Backlogณ สิ้นก.ย.59 อยู่ที่ 4.67 พันล้านบาท
# สำหรับปี 60 คาดว่าจะมีงานใหม่เข้ามามากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากงานก่อสร้างเหมืองโปแตช ชัยภูมิ (APOT)มูลค่างาน 3.34 หมื่นล้านบาทที่จะเซ็นสัญญาใน 1Q60 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 60 ประมาณ 5-6 พันล้านบาท(งานก่อสร้างสิ้นสุดปี 62) ทั้งนี้งานก่อสร้างเหมืองโปแตชล่าช้าจากแผนเดิมเพราะติดปัญหาทางกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ยังไม่ใส่เงินเข้ามาตามขั้นตอนดำเนินการ แต่ขณะนี้ได้เคลียร์ปัญหาจบแล้วและอยู่ระหว่างเจรจาสถาบันการเงินเพื่อกู้เงินลงทุนในโครงการ ส่วนเงินเพิ่มทุนที่ TRC จะต้องใส่ใน APOT ตามสัดส่วนถือหุ้น 25% นั้น จะมาจากการออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท
# งานประมูลอื่นๆ จะมีโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากสถานีควบคุมความดันก๊าซธรรมชาติราชบุรี- วังน้อย ไปยังจ.ราชบุรี ของบมจ.ปตท. (PTT) ระยะทาง 119 กิโลเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 8.2 พันล้านบาทซึ่งเริ่มขายซองเอกสารประมูลงานแล้ว และ TRC จะจับมือพันธมิตรเดิมคือ Sinopec และพันธมิตรอื่น เข้าประมูลงานนี้ คาดว่าจะรู้ผลประมูลปลาย 1Q60 หรือต้น 2Q60 หากชนะประมูลก็จะมี Baclog เพิ่ม 5 พันล้านบาทตามสัดส่วนใน JV นอกจากนั้น PTT ยังจะเปิดประมูลโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 พื้นที่พาดผ่าน 8 จังหวัดคือ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี กรุงเทพฯ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ระยะทาง435 กม. มูลค่าโครงการประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส และเปิดประมูลภายใน 1Q60และรู้ผลการประมูลในปลาย 2Q60 หรือต้น 3Q60 ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางที่ รฟท.เตรียมจะเปิดประมูลเร็ว ๆ นี้ บริษัทก็จะหาพันธมิตรเข้าประมูลด้วย (กำลังเจรจากับ ไชน่าเรลเวย์)
# กำลังศึกษาการลงทุนด้านพลังงานในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหินที่กัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าปีหน้ามีโอกาสชัดเจนขึ้นหลังจากรัฐบาลกัมพูชาได้ทำแผนกำลังการผลิตไฟฟ้าเสร็จแล้ว และลงทุนคลังน้ำมันในกัมพูชา มูลค่าราว 400-500 ล้านบาท รวมทั้งสนใจเข้าไปลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาวด้วย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]