- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 December 2016 18:28
- Hits: 9902
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ลุ้น ECB ขยาย QE
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิด +4.05 จุดที่ 1520.53 โดยนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นที่มีข่าวหนุน เช่น BTS-RATCH-STEC หลังเสนอราคาประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองต่ำสุด รวมทั้งหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตดีในปีหน้า นักลงทุนสถาบันในประเทศ ต่างชาติ พอร์ตบล.ซื้อสุทธิกลุ่มละ 250-500 กว่าล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 1 พันล้านบาท
/+ จับตาผลประชุม ECB ตลาดคาดว่าจะขยายโครงการ QE 6 เดือน และอาจผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการซื้อพันธบัตรด้วย…รับมือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากอิตาลี
/+ จับตาผลประชุมกลุ่มโอเปก & นอกกลุ่ม 10 ธ.ค.ว่าประเทศนอกโอเปกจะลดการผลิต 0.6 ล้านบาร์เรล/วันหรือไม่
นักลงทุนมีปรับ Positon โดยกลับเข้าไปซื้อทองคำหลังดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ก่อนการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.นี้
/+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง & วัสดุก่อสร้างจะมีปัจจัยกระตุ้นจากความคืบหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐมากขึ้นในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า หุ้นเด่นในหมวดฐานราก SEAFCO หมวดรับเหมาฯ CK, STEC หมวดวัสดุฯ SCC, TMT
+ แรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายปลายเดือนธ.ค.ช่วยพยุงตลาด…มีโอกาสที่หุ้นกลุ่มหลักจะปรับขึ้นได้ เช่น ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ราคาพักฐานมาพอสมควรแล้ว หุ้นเด่น KBANK, SCB เป็นต้น
กลยุทธ์ : การซื้อเล่นรอบยังเน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงราคาปรับฐาน/อ่อนตัว
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น SCB
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก (ปรับขึ้น+ปิดเกือบ High และเหนือ SMA10) ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ค่อยดี ลดพอร์ตตาม/ตัดขายขาดทุนเมื่อ SET หลุด 1505 จุด แนวต้านระยะสั้น 1525-1530, 1540 จุด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
/+ ยูโรโซน : ประชุม ECB วันนี้...คาดขยาย QE อีก 6 เดือนและอาจผ่อนคลายข้อกำหนดซื้อพันธบัตร
คณะกรรมการ ECB จะประชุมวันนี้ (8 ธ.ค.59) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีมติขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 6 เดือน (ซึ่งมาตรการนี้จะสิ้นสุดเดือนมี.ค.60) เป็นสิ้นสุดก.ย.60 และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรไว้ที่ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน รวมทั้งบางรายคาดว่า ECB อาจผ่อนคลายข้อกำหนดในการซื้อพันธบัตร โดยจะอนุญาตให้สามารถเข้าซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมทั้งสามารถเข้าซื้อพันธบัตรที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปีได้ ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบปัญหาในอิตาลี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซน หลังชาวอิตาลีส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศลาออกจากตำแหน่ง และกระทบต่อกระบวนการแก้ไขปัญหาในภาคธนาคารของอิตาลี รวมทั้งบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงินของยุโรปด้วย
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : พุ่งขึ้นแรง...รับกระแสคาดการณ์ว่า ECB จะขยายโครงการ QE
ดัชนี DJIA ปิดที่ 19,549.62 จุด พุ่งขึ้น 297.84 จุด หรือ +1.55% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,393.76 จุด เพิ่มขึ้น 60.76 จุด หรือ +1.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,241.35 จุด เพิ่มขึ้น 29.12 จุด หรือ +1.32% ทั้งนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าในการประชุม ECB วันนี้ (8 ธ.ค.) จะมีการขยาย QE ออกไปอีก 6 เดือน
- ราคาน้ำมันดิบ : ร่วงลงต่อ หลังสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น & อุปทานน้ำมันดิบสูง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ -2.3% ปิดที่ 49.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 93 เซนต์ หรือ -1.7% ปิดที่ 53.00 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ รายงาน EIA ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล และมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย.ที่ 34.19 ล้านบาร์เรล/วัน รวมทั้งรัสเซียผลิตน้ำมันดิบสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปีที่ 11.21 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาน้ำมันดิบ : จับตาการประชุม 10 ธ.ค.นี้
วันที่ 10 ธ.ค.59 จะมีการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม เพื่อหารือเกี่ยวกับการผลิตน้ำมัน หลังจากที่กลุ่มโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.59 สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นไปตามกรอบข้อตกลงในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์สในเดือนก.ย. ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศนอกโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 600,000 บาร์เรล/วัน
+ ราคาทองคำ : รีบาวด์…ปรับ Position ก่อนประชุมเฟด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,177.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นการปรับ Position ก่อนการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.นี้ โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปัจจุบันทรงๆที่ 100.1-100.2 ซึ่งอ่อนลงจาก 3 วันก่อนหน้าที่แข็งขึ้นไปที่ 101.57
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง : มีปัจจัยกระตุ้นมากขึ้น
# จากการที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้นตั้งแต่ปลายปี 59 เป็นต้นไป โดยมีหลายโครงการจะประมูล ประกาศผลประมูล และเซ็นสัญญาในช่วง 1H60 (ล่าสุดมีประกาศว่า BTS-STEC-RATCH เป็นผู้ประมูลราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูในราคาต่ำสุด) ทำให้คาดว่าหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างจะมีปัจจัยกระตุ้น (Catalyst) มากขึ้น ซึ่งในเชิงกลยุทธ์เห็นว่า น่าสนใจสะสมหุ้นที่เกี่ยวข้องเพื่อการเก็งกำไรตามรอบ / หรือลงทุน โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเราให้น้ำหนักไปในทางเก็งกำไรมากกว่า เพราะการรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาสมีความผันผวนมากกว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง เสถียรภาพของผลประกอบการจึงต่ำกว่า รวมทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้างมีระดับของอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าด้วย
# สำหรับหุ้นที่น่าสนใจแต่ละหมวดย่อยใน DBSV Coverage เป็นดังนี้
หมวดรับเหมาฐานราก - หุ้นเด่น คือ SEAFCO
หมวดรับเหมาก่อสร้าง - หุ้นเด่น คือ CK, STEC
หมวดวัสดุก่อสร้าง - หุ้นเด่น คือ SCC, TMT
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : แรงซื้อ LTF ช่วยกระตุ้นในระยะสั้น
ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีการพักฐานมาพอสมควร เพราะความวิตกกังวลกับการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่จะยังมีต่อไปในปี 60 ทำให้ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯในระดับสูง (Credit cost อยู่ในเกณฑ์สูงกว่าภาวะปกติต่อในปีหน้า) รวมทั้งต้องมีการลงทุนเกี่ยวกับระบบออนไลน์แบงกิ้งด้วย ทำให้ผลประกอบการปี 60 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะยังไม่สดใส อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ จะทำให้การเติบโตของสินเชื่อดีขึ้น รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีโอกาสขยายตัวมากกว่าปีนี้
นอกจากนั้นแรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายก็เป็น Catalyst ต่อราคาหุ้นในระยะสั้นด้วย โดยเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งสำหรับการซือลงทุนสำหรับกองทุนประเภท LTF หุ้นเด่นในช่วงสั้น คือ KBANK (มีโครงสร้างรายได้และพอร์ตสินเชื่อที่สมดุล มี ROE สูง, ราคาพื้นฐาน 195 บาท) และ SCB (SSI-TH มีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นหนี้ปกติ ซึ่งมูลหนี้กับ SCB อยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท, ราคาพื้นฐาน 167 บาท)
มาตรการชอปช่วยชาติน่าจะเข้าพิจารณาในครม.สัปดาห์หน้า (13 ธ.ค.)
สัปดาห์นี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังไม่มีการพิจารณามาตรการชอปช่วยชาติ แต่อาจจะนำเข้าพิจารณาในรอบต่อไป (คือ 13 ธ.ค.) ซึ่งตามกระแสข่าวแล้วมาตรการจะมีระยะเวลามากกว่าปีก่อน โดยน่าจะเป็นช่วง 15-31 ธ.ค.59 ส่วนจำนวนเงินใช้จ่ายที่มีใบกำกับภาษีถูกต้องที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อยู่ที่ 15,000 บาท/คน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว แม้ว่าจะมีเหตุการณ์บ้านเมืองและถูกกระทบจากการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญอยู่บ้างแต่ธุรกิจก็ยังมีแนวโน้มดี เพราะธุรกิจมี Economy of scale มากขึ้น มีการบริหารด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก คือ COM7 (ราคาพื้นฐาน 17.50 บาท) และ CPALL (ราคาพื้นฐาน 75 บาท) ส่วนหุ้นเด่นในกลุ่มท่องเที่ยวเป็น AOT (ราคาพื้นฐาน 455 บาท) และ ERW (ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท) หมายเหตุ : AOT จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันนี้ (8 ธ.ค.จ่ายปันผลหุ้นละ 6.83 บาท-พาร์ 10 บาท) และจะแตกพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาท เพื่อเพื่อสภาพคล่องในการซื้อขาย
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]