- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 December 2016 17:59
- Hits: 9459
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น? ตามการเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศที่สดใส หลัง DJIA ยังทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง ภายใต้การคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการประชุมของ ECB ในวันนี้ ซึ่งคาดพิจารณาขยายระยะเวลาวงเงิน QE (วงเงิน 80,000 ล้านยูโร/เดือน) ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมหมดอายุมีค.’60 เป็น ก.ย.’60 รวมถึงปรับเงื่อนไขการเข้าซื้อพันธบัตรให้ผ่อนคลายลง
อย่างไรก็ตามอาจได้รับปัจจัยกดดันบ้างจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ภายใต้ความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกินในสหรัฐฯ จากตัวเลขสต๊อกน้ำมันเบนซินล่าสุดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันทั้ง WTI, Brent และ Dubai ยังเคลื่อนไหวบริเวณ 50 – 51USD ขณะที่
ในวันที่ 10/12/59 จะมีการประชุมร่วมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ที่คาดกลุ่มนอกโอเปกจะปรับลดปริมาณผลิตลง 0.6 ล้านบาร์เรล/วัน จากก่อนหน้าที่ประชุมโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน
แนะติดตามการประชุมของเฟด 13 – 14/12/59 คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งคาดอาจส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย คาดอาจได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) ในช่วงปลายปี ขณะที่ล่าสุดต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ประมาณ 280 ล้านบาท
ทางด้านเงินสหรัฐฯ คาดยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ภายใต้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ข้างต้น และความคาดหมายนโยบายของทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่ง 20/1/60) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดยังเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดภาพรวม Sentiment ยังเป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่เพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีรายได้ทุกกลุ่ม รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในเดือนธ.ค. จำนวน 15,000 บาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี จากก่อนหน้าที่ 15,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท ขณะที่คาดมาตรการภาษีหนุนการบริโภคปลายปี (คาดวงเงินไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท) นำเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า (เลื่อนจากความคาดหมายเดิมเป็นสัปดาห์ที่ 2)
ซึ่งโดยภาพรวมคาดยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโรงแรมและค้าปลีก
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60 ขณะที่ล่าสุด รฟม. เปิดเผย กิจการร่วมค้า BSR (BTS, STEC และ RATCH) เป็นผู้ผ่านการประเมินสูงสุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง คาดหลังจากนี้เข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง
SET SET50 SET100
1,520.53 +4.05 951.71 +1.62 2,148.59 +6.18
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +297.84, NASDAQ +60.76, S&P +29.12, FTSE +122.39, CAC +62.78 และ DAX +211.37
โดย DJIA และ S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง ภายใต้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าการประชุมของธนาคารกลางยุโรป - ECB ในวันนี้ (8/12/59) จะขยายระยะเวลาการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมครบกำหนดมีค.’60 เป็น ก.ย.’60 โดยคาดยังคงวงเงินไว้ที่ 80,000 ล้านยูโร/เดือน และคาดอาจมีการพิจารณาผ่อนคลายข้อกำหนดในการซื้อพันธบัตร โดยสามารถเข้าซื้อพันธบัตรที่มีผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงสามารถเข้าซื้อพันธบัตรที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ทั้งนี้เพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติในอิตาลีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะที่คาดอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด ในวันที่ 13 – 14/12/59 ซึ่งคาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเป็นครั้งแรกในปีนี้ และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$1.16 อยู่ที่ US$49.77 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันเบนซิน ล่าสุดเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะพลังงานล้นตลาด สวนทางกับสต็อกน้ำมันดิบ ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 485.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก ตัวเลขปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก - พ.ย. อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34.19 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 33.82 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อต.ค. ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซีย อยู่ที่ 11.21 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.28 1.93 3.09
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 44,982.92
สถาบัน 285.51
บัญชีหลักทรัพย์ 526.08
ต่างประเทศ 278.06
ในประเทศ -1,089.65
รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาจกระตุ้นให้ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันและยังอยู่ระหว่างรอหว่างการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปก และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ (10/12/59 ที่ประเทศออสเตรีย) ซึ่งคาดประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกอาจจะพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตลง 600,000 บาร์เรล/วัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$7.4 อยู่ที่ US$1,177.5 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเทียบกับยูโร ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด (13 – 14/12/59) คาดเฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 0.25-0.50% เป็น 0.50-0.75%
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +278 ล้านบาท สะสม YTD +79,368 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 8 - 9 ธ.ค. 2559
8/12/59 ประชุมธนาคารกลางยุโรป - ECB
สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
9/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนธ.ค.
ตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนต.ค.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงาน ดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 2.35% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.43 อยู่ที่ 12.22
หุ้นแนะนำ : THANI
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788