- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 August 2014 17:11
- Hits: 3841
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อใหม่เน้นค่าบวกหรืออ่อนมาที่ 1480,1450”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TVO (จากซื้อเป็นถือ)
ภาพตลาดวันก่อน : อ่อนแต่มีแรงซื้อกลับ เมื่อวันศุกร์ยังอยู่ในการปรับฐาน แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยเฉพาะจากนักลงทุนรายย่อย ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิต่อ 1.1 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิแต่น้อยลงเป็น 445 ล้านบาท ส่วนพอร์ตบล.ขายสุทธิ 746 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจัยที่ยังหนุนตลาดคือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทย
ปัจจัยและกลยุทธ์ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.09 แสนตำแหน่ง...แต่น้อยกว่าคาด อัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 6.2% แต่ดัชนีภาคการผลิตของ ISM เพิ่มขึ้นเกินคาด นับว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังค่อนข้าง Mixed ทางด้านยูโรโซน ยังกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อต่ำมาก ส่วนจีนมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้นแต่จะค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยเสี่ยงภายนอก คือ ปัญหาการเมืองระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียและการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา (ถ้าวิตกกังวลมากๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลกได้) ส่วนภายในประเทศ...การเดินหน้าเร่งลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานยังหนุนตลาด โดยทางคสช.เร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแผนลงทุนเร่งด่วนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานปี 57-58โดยจะเสนอให้หัวหน้าคสช.พิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินลงทุนภายในสิ้นส.ค.57 นี้
ในเบื้องต้นแหล่งข่าวกล่าวว่ามูลค่าเงินลงทุนในโครงการเร่งด่วนปี 57-58 มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาท (แต่คาดว่าเม็ดเงินลงทุนจะทยอยเข้ามาในระบบมากกว่า 2 ปีเพราะบางโครงการเป็นแบบต่อเนื่องระยะยาว) ซึ่งส่วนนี้ฉายภาพให้เห็นว่าการลงทุนจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญ เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งภาครัฐ & เอกชน ได้แก่ รับเหมา (หุ้นเด่น CK, STEC) & วัสดุก่อสร้าง (SCC, TASCO), ธนาคารพาณิชย์ (BBL, KTB, KBANK), นิคมฯ (ROJNA), ที่พักอาศัย (AP, PS, SPALI) & ให้เช่าพื้นที่ (CPN, WHA) - ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน นอกจากนั้นในระยะสั้นตลาดยังมีเรื่องการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2 และแนวโน้ม รวมถึงการซื้อดักหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง ดังนั้น Theme การลงทุนในเดือนส.ค.57 จึงเป็น Investment Play &High Interim Dividend ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนส.ค.57 คือ CK, KBANK, KCE, SAMART, SPALI ส่วน Dark Horse เป็น STPI, SVI
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี เพราะมีสิทธิอ่อนตัวไปที่ 1480, 1450 จุด นักลงทุนที่มีหุ้นเยอะและมีเงินสดเหลือน้อยควรลดพอร์ตตาม ส่วนการรีบาวด์จะมีแนวต้าน 1520-1530 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น SCC
Fundamental Pick
SCC แนะนำซื้อราคาปิด 432 บาท เป้าหมาย 480 บาท
* แนวโน้มไตรมาส 3/57 ยังซบเซา เพราะเป็นฤดูฝนซึ่งเป็น Low season ของการก่อสร้าง และเงินบาทแข็งค่า ทำให้รายได้และมาร์จิ้นจากการส่งออกน้อยลง ส่วนไตรมาส 4/57 จะฟื้นตัวแต่ไม่แรง แล้วจะดีขึ้นชัดเจนในปี 58 หนุนโดยการลงทุนในโครงการภาครัฐและเอกชน บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 5.50 บาท กำหนด XD 7 ส.ค.57 คิดเป็น Yield 1.2%
* ราคาหุ้นอ่อนลงมารับแนวโน้มที่ซบเซาต่อเนื่องใน 3Q57 แต่ในเชิงกลยุทธ์ Retail ResearchDBS มองว่าเป็นจังหวะทยอยซื้อลงทุน เพราะมองว่าผลประกอบการของ SCC ถึงจุดต่ำสุดใน3Q57 นี้แล้ว และจะค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป จุดเด่นของบริษัท คือ มีการกระจายรายได้ที่ดี โดยมีทั้งรายได้ที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศและรายได้ที่อิงกับเศรษฐกิจ &ตลาดโลก (ปิโตรเคมี), ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/57 มีเงินสดสูงถึง 33.4 พันล้านบาท เปิดโอกาสให้ลงทุนขยายกิจการหรือทำ M&A ในประเทศและภูมิภาค ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว ฝ่ายวิจัยฯ DBS ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 480 บาท
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• จีน : PMI นอกภาคผลิตเดือนก.ค.อ่อนลงแต่ยังเหนือ 50
* สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนและสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เผยดัชนี PMIนอกภาคการผลิตเดือนก.ค.ชะลอตัวลงแตะ 54.2 จากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 55 ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน แต่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า
•/+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรก.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด อัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 6.2% แต่ดัชนีภาคผลิต ISMเพิ่มดีกว่าคาด
* ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่อัตราว่างงานขยับขึ้นสู่ระดับ 6.2% ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 230,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ดี นับเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง หลังจากปรับตัวขึ้น 298,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
* สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 55.3 ในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขเดือนล่าสุดนั้นเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.54
* ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเดือนก.ค.ของสหรัฐจากมาร์กิตลดลงสู่ระดับ 55.8 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 56.3 และต่ำกว่าระดับ 57.3 เดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการผลิตสหรัฐยังคงขยายตัวในเดือนก.ค.
- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงต่อ * ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,493.37 จุด ลดลง 69.93 จุด หรือ 0.42% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,352.64 จุด ลดลง 17.13 จุด หรือ 0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,925.15 จุดลดลง 5.52 จุด หรือ 0.29%...กังวลการผิดนัดชำระหนี้อาร์เจนตินา, ภาวะเงินฝืดที่อาจจะเกิดขึ้นในยูโรโซน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐเพิ่มน้อยกว่าคาด
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลง โดย WTI ปิดต่ำกว่า 100 US$/bbl แล้ว
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 29 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 97.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.18ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 104.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญา หลังสถานการณ์ความไม่สงบไม่อิรัก และลิเบีย ตลอดจนความขัดแย้งกันระหว่างยูเครนและรัสเซียมีแนวโน้มว่าจะไม่กระทบต่ออุปทานน้ำมัน
+ สัญญาทองคำ COMEX ปิดบวก...กำลังจะทดสอบระดับ 1,300 US$/ออนซ์
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 12ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 1,294.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยที่หนุนราคาทองคำเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา คือ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ออกมาน้อยกว่าคาด
ปัจจัยในประเทศ
+ สิงหา : Investment Play & InterimDividend .. หุ้น Top Picks เป็น CK, KBANK,KCE, SAMART, SPALI ส่วน Dark Horse คือSTPI, SVI
* หุ้นที่เป็น Stock Picks ของเราในเดือนก.ค.57 ปรับขึ้นมากกว่าตลาด โดยปรับขึ้น2%MoM ขณะที่ SET เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นแนะนำที่บวกแรง คือ AP, VGI และ BLAND
* ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นเดือนส.ค.57 ประกอบด้วย เก็งกำไรผลประกอบการ 2Q57 และแนวโน้มที่จะดีขึ้นใน 2H57 และปี 58, การซื้อดักหุ้นปันผลระหว่างกาลสูง, การเริ่มเดินหน้าปฎิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม, ความคืบหน้าในการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน, เศรษฐกิจสหรัฐใน 2Q57 เติบโตแกร่ง 4% จากหดตัว 2.1% ใน1Q57
* สำหรับปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอาจเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้,ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำไรบจ. และผลงานของคสช.ที่มากเกินไป, ความผันผวนของค่าเงินบาท, ปัญหาการเมืองในฉนวนกาซา การคว่ำบาตรของอียู & สหรัฐต่อรัสเซียที่อาจบานปลายและเสี่ยงสูงขึ้น รวมทั้งการผิดนัดชำระหนี้ของอาร์เจนตินา และ Valuation ของหุ้นสูง
* คงให้เป้าหมาย SET Index สิ้นปี 57 เป็น 1,559 จุด ส่วนสิ้นปี 58 เป็น 1,627 จุด
* กลยุทธ์การลงทุน : Investment Play & High Interim Dividend โดยหลักทรัพย์ Top Picksของเดือนส.ค.57 ได้แก่ CK, KBANK, KCE, SAMART, SPALI ส่วนหลักทรัพย์ที่เป็น DarkHorse คือ STPI, SVI
-/+ สรท.คาดส่งออกไทยปีนี้จะโต 1.17%...น้อยกว่าที่ก.พาณิชย์ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5%แนะนำเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มส่งออก TopPicks เป็น GFPT, KCE, SVI
* สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ลดเป้าส่งออกไทยปีนี้เหลือโต 1.17% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดการณ์ไว้จะโต 3% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดโต 3.5% ทั้งนี้สรท.ประเมินว่าก.ค.-ธ.ค.จะมีมูลค่าส่งออกอยุ่ที่ 118,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในเดือน ก.ค.-ก.ย.คาดจะส่งออกได้เดือนละ 20,000 ล้านเหรียญฯ ส่วนเดือน ต.ค.-ธ.ค.คาดจะส่งออกได้เดือนละ 19,500ล้านเหรียญฯ เมื่อรวมกับยอดส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกที่มีมูลค่า 112,704 ล้านเหรียญฯเท่ากับมูลค่า 231,204 ล้านเหรียญฯ
* ตลาดโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายเรื่อง เช่น เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน, การที่สหภาพยุโรปจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสินค้าไทย(จีเอสพี) อีก 723 รายการในปีหน้า ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ที่คำสั่งซื้อจากยุโรปจะลดลง, ความผันผวนของค่าเงินบาท, การปรับลดระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยลงมาอยู่ในระดับต่ำสุด หรือในระดับ 3(Tier 3) ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น
* เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มส่งออกเป็น Neutral และแนะนำเลือกซื้อ โดยหุ้น TopPicks คือ GFPT, KCE และ SVI เนื่องจากทั้ง 3 บริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง เรามีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ GFPT และราคาตามปัจจัยพื้นฐานขึ้นประมาณ 10% จากปัจจุบันที่ 16.40 บาท โดยเลื่อนไปอิงกับเป้าหมาย P/E ของปี 58 และสะท้อนส่วนแบ่งกำไรจาก MCKEY ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นใน 3Q57 และอัตรากำไรที่แข็งแกร่งกว่าคาดเพราะแรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ไม่มาก
- ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ขอชะลอการจ่ายค่าประมูล ร้องคสช.ว่ากสทช.ทำงานล่าช้า ไม่เห็นด้วยกับคูปองมูลค่า 690 บาท
* นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กล่าวว่าสมาคมฯและตัวแทนผู้ประมูลทีวีดิจิตอล คือ BEC Multimedia, ช่อง 7, GRAMMY, RS, TRUE Vision,ไทยรัฐทีวี, นิวทีวี, PPTV มีมติจะแถลงการณ์ในสัปดาห์นี้ และจะยื่นจดหมายร้องเรียนให้คสช.ถึงผลกระทบจากการทำงานล่าช้าของกสทช.และไม่เห็นด้วยกับประกาศแจกคูปองราคา 690บาท เพราะก่อนหน้านี้กสทช.ทำประชาพิจารณ์ได้ผลว่าประชาชนต้องการรับแจกคูปองมูลค่า1,000 บาท โดยกลุ่มผู้ประกอบการขอชะลอการจ่ายชำระค่าประมูลช่องรายการทีวีดิจิตอล และค่าธรรมเนียมออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจน
+ คสช.ด้านเศรษฐกิจเร่งสรุปแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานปี 57-58...แหล่งข่าวระบุโครงการจำเป็นมูลค่าราว 5 แสนล้านบาท นับเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน หุ้นเด่น ประกอบด้วย CK, STEC,SCC, TASCO, BBL, KTB, KBANK, ROJNA,AP, PS, SPALI, CPN, WHA
* คสช.เร่งพิจารณาการลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐาน พล.อ.อ.ประจิน หัวหน้าคสช.ด้านเศรษฐกิจจะเรียกประชุมสรุปแผนการลงทุนด้านโครงสร้างขั้นพื้นฐานระยะเร่งด่วนปี 57-58 ก่อนเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคสช.พิจารณาอนุมัติโครงการและกรอบวงเงินภายใน 29 ส.ค.นี้ทั้งนี้ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่ากรอบวงเงินลงทุนยังไม่กำหนดชัดเจน แต่เบื้องต้นจะมีจัดสรรงบประมาณปี 57-58 ลงทุน 1.08 แสนล้านบาท
* แหล่งข่าวกล่าวว่าโครงการที่จะลงทุนเร่งด่วนในปี 57-58 มีมูลค่าราว 5 แสนล้านบาทได้แก่ รถไฟฟ้า 4 สาย (เขียวเข้ม-ส้ม-ชมพู-เหลือง), รถไฟทางคู่ 6 เส้น, สนามบิน 3 แห่ง(สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูเก็ต), โครงข่ายถนนและมอร์เตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุด
* เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน (การลงทุนภาคเอกชนเป็นส่วนหนึ่งใน Supply Chain ของการลงทุนภาครัฐ) ซึ่งกลุยทธ์การลงทุนและหุ้น Top Picks ในแต่ละกลุ่มเป็นดังนี้
# รับเหมาก่อสร้าง - ยังยืนยันมุมมองว่า Theme การลงทุนได้เปลี่ยนจากการเก็งกำไรเป็นการลงทุนระยะกลาง-ยาวมากขึ้นแล้ว หุ้นเด่นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีมูลค่างานในมือ (Backlog) สูง คือ CK และ STEC
# วัสดุก่อสร้าง – มีแนวโน้มว่าอุปสงค์จะขยายตัวแข็งแกร่งนับตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป แต่ในปี 57 ยังซบเซา เพราะโครงการลงทุนต่างๆ ยังฟื้นตัวได้ช้า และหลายโครงการเลื่อนออกไปลงทุนในปีหน้าแทน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ หุ้นเด่นเป็น SCC,TASCO
# ธนาคารพาณิชย์ – ธนาคารที่ได้ประโยชน์จากเรื่องการลงทุน คือ ธนาคารที่เน้นปล่อยสินเชื่อเพื่อการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยหุ้นเด่นที่เกี่ยวกับการลงทุนของกลุ่มCorporate, รัฐ, SME ขนาดกลาง-ใหญ่ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของการลงทุนของCorporate และโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ เป็น BBL, KTB, KBANK
# นิคมอุตสาหกรรม - จะได้ประโยชน์จากการลงทุนภาคเอกชนที่จะเริ่มฟื้นตัวและเติบโตได้ดีในระยะกลาง-ยาว ซึ่งส่วนหนึ่งได้อานิสงค์ทางบวกจากการเปิด AEC ด้วย หุ้นเด่นในเรื่องของ Backlog สูง คือ ROJNA โดยขณะนี้มียอดขายรอรับรู้รายได้สูงถึง 3.1 พันไร่ และจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเต็มที่ในปีนี้
# กลุ่มที่พักอาศัยและให้เช่าพื้นที่ - เป็นกลุ่มที่จะเติบโตได้ตามการขยายตัวของสาธารณูปโภค โดยเฉพาะการคมนาคม ขนส่ง รวมทั้งได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค หุ้นที่โดดเด่น คือ AP, PS, SPALI, CPN, WHA
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]