- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 December 2016 17:29
- Hits: 7957
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'พลังงานดันตลาด'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ได้รับผลดีจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน(+2%)ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมากโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงก็ตาม ส่วนกลุ่มอื่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่กลุ่มธุรกิจการเกษตร (+4%) กลุ่มการเงิน (+3%) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (+3%) นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิเข้ามากว่า 1,200 ล้านบาท ทำให้รวมแล้วปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.82 จุด (+1.0%) มาอยู่ที่ 1,516.48 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายที่ระดับ 39,692 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) DJIA เดินหน้าทำ All Time New High ที่ 19,251.78 จุด (+0.18%Day) จากยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุด และการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคาร จากมุมมองนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ที่จะเอื้อต่อภาคธนาคาร
(+) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 2.6%
(+) ราคายาง TOCOM วานนี้บวก 1.3%Day มาอยู่ที่ 212 Yen/Kg. และเพิ่มขึ้น 75% YTD มองเป็นบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มยางทั้ง STA, NDR
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.7% Day มาอยู่ที่ 50.93 US/Barrel หลังปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34.19 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 33.82 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค.
(-) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดลดลง 3.2%Day มาปิดที่ 84 จุด มองเป็นลบกับ BANPU, LANNA แต่อย่างไรก็ตามราคาถ่านหินยังคง +66%YTD
(-) ยอดจองภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 6 วัน อยู่ที่ 14,086 คัน ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 15,173 คัน เป้าทั้งงานอยู่ที่ 50,000 คัน มองไม่น่าจะทำได้ถึงเป้าและเป็นลบกับกลุ่มยานยนต์ SAT, STANLY, AH
(+/-) พรุ่งนี้เริ่มใช้พร้อมเพย์โอนเงินให้เด็กแรกเกิดคนละ 600 บาทต่อเดือน ผ่านสถาบันการเงินภาครัฐ 3 แห่ง แต่ในส่วนการให้บริการโอนเงินระหว่างบุคคลเลื่อนให้บริการพร้อมเพย์เป็นต้นปีหน้า มองการเร่งใช้พร้อมเพย์จะเป็นลบต่อกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนจะลดลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
ประชุม ครม. วันนี้ ลุ้นมาตรการช็อปช่วยชาติ วงเงิน 15,000 บาท
ประชุม FED รอบธ.ค. (13-14 ธ.ค.) ตลาดคาดรอบนี้จะขึ้นดอกเบี้ย
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุม ECB (8 ธ.ค.), GDP 3Q ของญี่ปุ่น (8 ธ.ค.), ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกจีน (8 ธ.ค.), ดัชนีการว่างงานของสหรัฐ (8 ธ.ค.), ตัวเลขเงินเฟ้อจีนและสหรัฐ (9 ธ.ค.) และการประชุมระหว่าง OPEC และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก (10
ธ.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน 'ลุ้นมาตรการช๊อปช่วยชาติเพิ่มเติม'
ประเมินดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ แม้จะมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่อาจอ่อนตัวลงหลังราคาน้ำมันดิบย่อลง หากแต่การกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในระดับพันลบ.เป็นวันแรกในรอบเดือน และการเข้าสู่ช่วงปลายปีทำให้คาดหมายว่าจะมีแรงซื้อของเม็ดเงินเข้าซื้อ LTF/RMF และแรงซื้อเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเข้ามาหนุน ดังนั้นมองหุ้นกลุ่มบริโภคในประเทศ, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว และรับเหมาก่อสร้าง น่าสนใจเก็งกำไร
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
STEC เก็งกำไร
กลุ่มบริษัท BSR (BTS+STEC+RATCH) เพิ่งชนะประมูลงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายเหลือง-ชมพู มูลค่าราวแสนลบ.
ปัจจุบัน Backlog มีกว่า 5 หมื่นลบ. (รองรับรายได้ 2 ปีข้างหน้า)
อยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มต่อไป
JMART เก็งกำไร
คาดเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่อาจออกมาเพิ่มเติมในวันนี้ จากการที่กลุ่มบริษัทจำหน่ายสินค้าทั้ง มือถือ, กล้อง, เครื่องใช้ไฟฟ้า
เตรียมเพิ่ม Line สินค้ากล้องถ่ายรูปให้ครบ 90 สาขา (ปจบ. มี 30 สาขา)
IAA Consensus คาดกำไรปี 59 โต 30% ทำให้ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 59 17.6 เท่า และปี 60 คาดว่าจะเหลือ 15 เท่า
ทีมวิเคราะห์