- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 December 2016 14:43
- Hits: 2996
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มดีดกลับขึ้นอีกครั้งตามคาด ดังนั้นยังเน้นถือต่อ เพื่อรอขายสูง
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์กลับขึ้นมาแกว่งบวกแคบๆ ในช่วงครึ่งวันเช้า ตามภาวะตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ ที่มีจังหวะรีบาวด์หลังปรับตัวลงในช่วงวันหยุด 5 ธ.ค. ของตลาดหุ้นไทย ก่อนที่ในภาคบ่าย SET ยังมีแรงซื้อหนุนต่อเนื่อง จนทำให้มีจังหวะดีดขึ้นปิดบวกเกือบ 15 จุด จากแรงซื้อหุ้นใหญ่ในหลายกลุ่ม หลังค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าเล็กน้อย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงสดใส จากเมื่อคืนนี้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดเป็นบวกได้ดี หลังข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี รวมทั้งนักลงทุนยังมีความคาดหวังเชิงบวกกับผลประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้(8 ธ.ค.) ด้วย ขณะที่ SET มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนมากขึ้นตั้งแต่ภาคบ่ายวานนี้ ซึ่ง FSS คาดว่าแรงซื้อดังกล่าวจะยังช่วยหนุนให้ SET อยู่ในช่วงแกว่งบวกขึ้นต่อเนื่องได้ตามคาด อย่างไรก็ตามยังต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวระหว่างขยับบวกไว้ด้วย โดยมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มอ่อนแรงลง และนักลงทุนบางส่วนคงยังต้องการรอดูผลประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET อยู่ในช่วงขยับบวกต่อเนื่องได้อีก แม้ว่าอาจจะผันผวนและอ่อนตัวสลับบ้าง แต่กรอบลบจำกัด ดังนั้นยังแนะนำเน้นถือต่อได้
แนวรับ 1514-1510 , 1506-1502 จุด
แนวต้าน 1518-1524 , 1527-1530 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : UTP , CKP , AMATA(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาค US$282ล้าน นำโดยไต้หวัน US$203ล้าน เกาหลีใต้ US$97ล้าน และไทย US$35ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$45ล้าน และเวียดนาม US$7ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางผันผวน ตลาดซึมซับต่อความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาหฺหน้า ขณะเดียวกันมีความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้า และจับตาการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ว่าจะมีการขยายเวลา QE หรือไม่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) การคาดหวังใน ECB ช่วยประคองตลาด ตลาดคาด ECB ขยายเวลาโครงการ QE ที่กำลังจะหมดอายุ มี.ค. ปีหน้า เพราะ ECB มีทางเลือกไม่มากนัก แม้เงินเฟ้อจะดีขึ้นจาก -0.6% เมื่อต้นปี แต่ปัจจุบันที่ 0.6% ยังห่างไกลเป้าของ ECB ที่ 2% ส่วนมูลค่า GDP ปัจจุบันสูงกว่าระดับก่อนวิกฤต subprime เพียง 1.9% เทียบกับสหรัฐที่มูลค่า GDP ปัจจุบันสูงกว่าช่วงก่อน subprime ถึง 10% แล้ว
(+) มาตรการช้อปช่วยชาติเข้าครม.วันนี้ ก.คลังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15,000 บาทสำหรับการซื้อสินค้าเป็นเวลา 15 วันในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี แนะนำ HMPRO, ROBINS, BIG, BEAUTY, KAMART, FN
(+) กกพ.เปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มต้นปีหน้า สำหรับโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชนไม่เกิน 80MW (โครงการละไม่เกิน 10MW) จะให้ยื่นเสนอขายไฟ 1-2 มี.ค. 2017 ประกาศผลภายใน 31 มี.ค. 2017 (ไม่ประกวดราคา) เราคาดกลุ่ม TPCH และ SAMART ยื่นเสนอขายไฟ ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวล/ชีวภาพ และโซลาฟาร์มราชการเฟส 2 จะประกาศรับซื้อต้นปีหน้าเช่นกัน ซึ่งล่าช้าจากเดิมที่จะประกาศปลายปี 2016 ทำให้ Catalyst ต่อกลุ่มพลังงานทดแทนในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้ามีไม่มาก นอกจากแนวโน้มผลประกอบการรายตัว ในกลุ่มนี้เราแนะนำซื้อ TPCH ราคาพื้นฐาน 23 บาท
(+) ALT กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q16 และจะเริ่มฟื้นตั้งแต่ 4Q16 แต่ทั้งปียังต่ำกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ จึงปรับกำไรปีนี้ลงเหลือโต 7% Y-Y (เดิมคาด +43% Y-Y) แต่คาดกำไรปี 2017 ฟื้นแข็งแกร่ง +40% Y-Y จากเงินลงทุนของ Mobile Operator ที่อยู่ในระดับสูงและมีงานติดตั้งสถานีฐานมากขึ้นหลัง Re-design โครงข่ายเสร็จแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้เช่าโครงข่าย Fiber Optic ตามแนวทางรถไฟเต็มปี เราปรับราคาพื้นฐานปีหน้าลงเล็กน้อยเป็น 8.30 บาทจากเดิม 9 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) BTS ชนะประมูลรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้งสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ร่วมกับ RATCH และ STEC ซึ่งประมูลร่วมกันในนามกลุ่ม BSR มูลค่าทั้ง 2 โครงการรวม 1.05 แสนล้านบาท อายุสัมปทาน 33 ปี 3 เดือน หลังจากนี้รฟม.จะเจรจาต่อรองกับกลุ่ม BSR ให้ได้ข้อสรุปภายใน มี.ค.-เม.ย. 2017 เรายังไม่สามารถประเมินมูลค่า BTS ได้เพราะบริษัทไม่เปิดเผยรายละเอียดจนกว่าจะเซ็นสัญญาในปีหน้า แนะเก็งกำไร STEC, SEAFCO, PYLON (ซึ่งทำงานฐานราก) สำหรับ BEM และ CK แม้พลาดโครงการนี้ แต่ยังมีสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและสีส้มที่จะประมูลต้น ม.ค. ยังคงแนะนำซื้อ BEM ราคาพื้นฐาน 12 บาท (รวมสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแต่ยังไม่รวมสายสีส้ม) และ CK (ราคาพื้นฐาน 44 บาท)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 ธ.ค. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: 3Q16 GDP
- ยูโรโซน: ECBประชุม
10 ธ.ค. -จีน:สินเชื่อเดือน พ.ย.
12 ธ.ค. - ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย ปิดทำการ
13-14ธ.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
13 ธ.ค. -จีน:Industrial Production (พ.ย.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey (ธ.ค.)
14 ธ.ค. - ญี่ปุ่น:ดัชนี Tankan (4Q16)
- ยูโรโซน:Industrial Production (ต.ค.)
15 ธ.ค. - เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BoK)ประชุม
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
16 ธ.ค. -สหรัฐ:Housing starts, Building permits (พ.ย.)
20 ธ.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (พ.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ได้ต่อเนื่องนำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้เช่นกันโดยนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองและหันไปจับตาดูการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้แทน
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้เช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส แม้ว่า GDP 3Q16 ของออสเตรเลียจะหดตัว Q-Q
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัว โดยยังเคลื่อนไหวในกรอบ 35.55-35.70 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ลดลง 0.86 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ หลังจากปริมาณการผลิตน้ำมันยังปรับตัวขึ้นในทุกภูมิภาคการส่งออกแม้ว่า OPEC และรัสเซียจะมีแผนลดกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 6.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,170.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากคาดการณ์ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ค่อนข้างแน่ รวมถึงจับตาดูการประชุม ECB ในสัปดาห์นี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch