- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 December 2016 18:50
- Hits: 7781
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Italian Politic could overshadow ECB expectation...SET struck in the middle
วันนี้คาดดัชนีฯแกว่งในกรอบ 1,487-1,517 จุด ปัจจัยลบ จากผลประชามติอิตาลี "ไม่รับร่างแก้ไข รธน." วิตกการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในปี 2018 มีความเสี่ยงฝ่ายค้านชนะ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านของอิตาลี มีจุดยืน คัดค้านการแก้ไข รธน. และ ชูนโยบายนำอิตาลีแยกตัวออกจากยูโรโซน ขณะที่การเลือกตั้งฝรั่งเศส และเยอรมนีปีหน้า ยังกดดันและสั่นคลอนความเป็นหนึ่งเดียวของ ยูโรโซน แต่คาดผลประชุมและถ้อยแถลงประธาน ECB ส่ง "Message" เรียกความเชื่อมั่นตลาดให้กลับคืนได้ และ เรามองว่าผลกระทบจากกรณีอิตาลียังเร็วเกินไปที่จะวิตก ยังคงเชื่อว่ากระทบแค่ช่วงสั้น
ระยะสัปดาห์ ไฮไลท์เด่นๆ ของตลาดฯเมื่อสัปดาห์ก่อนคือ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่บวกไปแรงถึง 12% w-w หลังโอเปกยอมปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมอย่างเป็นทางการ เมื่อ 30 พย. ที่ผ่านมา ส่งผลหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มหลักขึ้นแรงสัปดาห์ก่อน แต่หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น กลุ่มรองและกลุ่มตาม "Commodity" มักจะปรับขึ้นตาม เราจึงแนะนำ เพิ่ม KSL และ PTTGC เข้าพอร์ตระยะสัปดาห์...พิจารณาจาก ค่าความสัมพันธ์ (Correlation) ของราคาหุ้นและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกับราคาน้ำมันดิบ และ ราคาหุ้นยังไม่ขึ้นสะท้อน (Laggard กลุ่ม) เชื่อมีโอกาสขยับขึ้นตาม
ระยะเดือน ธค. คาด แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอลงในเดือน ธค. และมีโอกาสที่เดือน มค. ปีหน้า จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 15 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. อิงสมมุติฐานต่างชาติถือหุ้นไทยเหลือเพียง 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ หากคำนวณเม็ดเงินต่างชาติที่สามารถซื้อหุ้นไทย กลับไปสัดส่วนเฉลี่ย ที่ 32% คาดเม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้าได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งตามสถิติ เงินต่างชาติจะเข้าเยอะช่วง มีค.เพื่อรับปันผลจากผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์แนะ หุ้นเชื่อมโยงราคาน้ำมันดิบ และ หุ้นที่มีประเด็นหนุนรายตัว จะปรับขึ้นตามไฮไลท์ News flow โดยประเด็นลงทุนเด่นๆ ในช่วงนี้ คือ (1) การประชุมกลุ่มโอเปก และนอกโอเปก 9 ธค. (2) การสับเปลี่ยนหุ้นเข้าออก SET50 (3) มาตรการหนุนการบริโภคจากภาครัฐฯ
หุ้นแนะนำวันนี้ KSL PTTGC GL PTG ดูรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) PTTEP จากกระแสข่าว *รัฐบาลอินโดนีเซียตัดสินใจอายัดใบอนุญาติและสินทรัพย์ของ PTTEP ในอินโดนีเซียทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้การอายัดดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันโครงการมอนทาราของ PTTEP ในปี 2009 (ที่มา TEMPO.com เมื่อวันที่ 4 ธค.59)
ความเห็น: จากการสอบถามกับผู้บริหาร PTTEP บริษัทยังไม่ได้รับเอกสารยืนยัน จากรัฐบาลอินโดฯหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีในแง่ของผลกระทบหากเกิดขึ้นจริง คาดกระทบต่อกำไร ราว 200 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นเพียง 0.05 บาท/หุ้น ที่จะถูกกระทบ และกรณีเลวร้ายที่สุดหากแหล่งผลิตถูกระงับถาวร คาดจะกระทบการ impairment อีกราว US$200 ล้าน ในแหล่ง Natuna ที่อินโดฯ หรือคิดเป็นผลกระทบต่อ Book value ประมาณ 1.75 บาท/หุ้น
(-) BEM จากข่าว กก.ร่วมฯ เจรจาเดินรถสีน้ำเงินมีมติให้ รฟม.ดำเนินการช่วง 1 สถานี เตาปูน-บางซื่อ เอง (ที่มาเว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 5 ธันวาคม 2559)
ความเห็น BLS: ข่าวดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบทางลบในเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้นในระยะสั้น เนื่องจากผลการเจรจาที่ออกมาน่าจะสร้างความผิดหวังให้กับตลาด อย่างไรก็ตามในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เราคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อประมาณการกำไรอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเรายังไม่ได้รวมค่าจ้างเดินรถในส่วน 1 สถานีนี้ไว้ในประมาณการ นอกจากนั้นอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรหาก BEM ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ติดตั้งระบบดังกล่าว ทั้งนี้เรามองว่ายังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวจากการเข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ รวมถึงธุรกิจการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"
(0) WORK ประเด็นจากการประชุมนักวิเคราะห์คาดขาดทุนใน 4Q16 น่าจะมากกว่าที่คาดไว้เดิม เราประเมินใหม่ 4Q16 น่าจะขาดทุนราว 129 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมกำไรหลักทั้งปีถูกปรับลงไป 46% ไปที่ 170 ล้านบาท ลดลง 20% YoY ตลาดคงมีการปรับประมานการปีนี้ลงแต่ราคาหุ้นคงมีโอกาสที่จะปรับลงไปมากกว่านี้น้อย เพราะภาพปีหน้าจะฟื้นได้แรงและตลาดรับรู้สถานการณ์ในปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เรามองว่า WORK จะเป็นผู้เล่นดิจิตอลทีวีรายเดียวที่ยังคงกำไรอยู่ในปี 2016 สำหรับ ปี 2017 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 3.3 พันล้านบาท ในขณะที่เราประมาณการเชิงอนุรักษ์นิยมที่ 3 พันล้านบาท (มีโอกาสปรับขึ้น) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท
(+/-) TRC แม้ระยะสั้นราคาหุ้นจะถูกกดดันจากความล่าช้าของการพัฒนาโครงการโปแตช ซึ่งผู้บริหารให้แนวทางในการประชุมนักวิเคราะห์ว่า มีโอกาสที่จะสำเร็จได้ในช่วง 1Q17 (ช้ากว่าแผนเดิมที่คาดจะสำเร็จภายในปีนี้) แต่เรามองว่าท่ามกลางความผิดหวังยังมีความหวังจากกำไรใน 4Q16 ที่มีโอกาสดีกว่าเราและตลาดคาดจากการรับรู้รายได้โครงการท่อก๊าซของ PTT และมาร์จิ้นที่มีโอกาสสูงกว่าคาดจากการปิดงานอีก 3 โครงการ นอกจากนี้เรามองว่าอุตสาหกรรมรับเหมา Oil&Gas จะกลับมาสดใสอีกครั้ง ตามราคาน้ำมันที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และแผนการลงทุนท่อก๊าซ RA#6 ของ PTT ที่คาดจะเห็นการขายซองในเดือนนี้ แม้ในเชิงพื้นฐานเรายังไม่แนะนำให้ซื้อ แต่ในเชิงกลยุทธ์มองว่าหากราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกจากความผิดหวังโครงการล่าช้า เรามองเป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรกับงบ 4Q16 ที่คาดออกมาสดใส
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) กกพ.เตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าขยะ 1-2 มี.ค.ปีหน้า รวม 80 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าซีโอดีภายใน 31 ธ.ค.2562 (ที่มาไทยโพสต์)
(+) บอร์ดเคาะราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาล 2559/60 ที่ 1,050 บาท/ตัน และเขต 5 ที่ 980 บาท/ตัน จ่อเปิดหีบ 6 ธ.ค. (ที่มาไทยโพสต์) Vs. ปีก่อน 58/59 ราคาผ่านจุดต่ำสุดไปที่ 700-800 บาท/ตัน ปี 57/58 ที่ 900 บาท
(+) คลังจะขายไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 4 หมื่นล้านบาท ต้นปีหน้า (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(0) วันอังคาร EU area GDP 3Q16 3rd คาด 0.3%, ประชุม รมว.คลังยุโรป, ประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย คาดคงดอกเบี้ย 1.5% (ที่มา Bloomberg)
(+) พุธ เยอรมนี Industrial production ตค. คาด +0.8% จาก -1.8% m-m. อังกฤษ Industrial production ตค.คาด +0.2% จาก -0.4% m-m. ไต้หวันส่งออก พย.คาด +10.4% จาก 9.4%, มาเลเซียส่งออก ตค.คาด -5.5% จาก -3% y-y. คาดธนาคารกลางอินเดียลดดอกเบี้ย เหลือ 6% จาก 6.25% (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส ประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB คาดคงดอกเบี้ย Refi rate 0% ส่วน Deposit rate คง -0.4% ญี่ปุ่น GDP 3Q16 2nd คาด +2.6% จาก +0.7% จีน ส่งออก พย. คาด -5% จาก -7.3% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ US Wholesale inventories ตค. คาด -0.4% m-m. ฟิลิปปินส์ ส่งออก ตค. คาด +8.6% จาก +5.1% จีน เงินเฟ้อ พย. คาด +2.2% จาก +2.1% มาเลเซีย Industrial production ตค. คาด +3.7% จาก +3.2% y-y. (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค