- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 December 2016 17:01
- Hits: 8066
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET อ่อนต้วลงยังเป็นโอกาสเลือกหุ้นซื้อ แล้วเน้นถือต่อ เพื่อรอขายสูง
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวด้านลบ หลังจากเริ่มมีแรงขายกดดันตั้งแต่ช่วงบ่ายวันพฤหัสที่ผ่านมา โดยมีแรงกดดันจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันดีดขึ้นแรงมา 2 วันเพื่อรับข่าวการลดกำลังการผลิตจากที่ประชุมโอเปก นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามการทำประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.ด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อวานนี้(5 ธ.ค.) SET ปิดทำการ 1 วันขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลงแรงพอควร ทั้งจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นใกล้เคียงที่ตลาดคาด รวมทั้งผลประชามติในอิตาลีที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของอิตาลี อย่างไรก็ตาม ECB มีกำหนดประชุมนโยบายในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่า ECB มีความพร้อมที่จะเพิ่มการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีได้ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งเริ่มฟื้นตัวบ้าง ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่ากรอบลบของ SET จะยังจำกัด และมีแนวโน้มที่ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งขึ้นต่อได้จากปัจจัยในประเทศช่วยหนุน
กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนเช่นเดิม และถ้าตลาดอ่อนตัวลงยังมองเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อสะสมต่อได้อีก
แนวรับ 1500-1495 , 1492-1486 จุด
แนวต้าน 1505-1510 , 1514-1518 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CBG , GLOW , GUNKUL(buy back)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์และวานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาครวม US$657ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$521ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซีย US$79ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$13ล้าน ไม่มีประเทศที่เม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกตลาดกลับมากังวลและติดตามผลการประชุม FOMC ต่ออนาคตอัตราดอกเบี้ยโลก
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ตลาดไม่ได้ตอบรับเป็นลบต่อการโหวต No ของอิตาลี แม้นายกเรนซี่แห่งอิตาลีจะประกาศลาออกหลังชาวอิตาลีโหวตโนไม่ต้องการแก้ไขรธน. แต่ตลาดหุ้นอิตาลีปรับลงเพียง 0.2% ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปอื่นๆกลับปรับขึ้นเฉลี่ย 1% ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเพียงช่วงแรกแต่กลับมาปิดแข็งค่า ตลาดไม่ได้ตอบรับเป็นลบกับกรณีอิตาลี เพราะรัฐสภาจะสรรหานายกฯคนใหม่ในพรรคเดิม และตลาดคาดหวังกับการประชุม ECB 8 ธ.ค. นี้ว่าจะเพิ่มมาตรการหรือขยายอายุโครงการที่จะหมดอายุ มี.ค. ปีหน้า สำหรับตลาดหุ้นไทย มีโอกาสขยับขึ้นจากแรงซื้อของ LTF/RMF และข่าวดีมาตรการช้อปช่วยชาติ (เข้าครม.พรุ่งนี้) โดยเน้นหุ้น domestic plays แนะนำ HMPRO, ROBINS, BIG, BEAUTY, FN
(0) PTTEP จากข่าวที่รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมยึดใบอนุญาตของบริษัท กรณีทำน้ำมันรั่วไหลกระทบความเป็นอยู่และสัตว์น้ำตามชายฝั่งอินโดฯตั้งแต่ปี 2009 ปัจจุบัน PTTEP ยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลอินโดฯ อย่างไรก็ตาม PTTEP ถือหุ้นในธุรกิจในอินโดฯเพียง 11.5% ในแหล่งผลิต Natuna Sea A ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตประมาณ 1% ของปริมาณขายทั้งหมด และหากต้องจ่ายค่าเสียหาย US$150 ล้านตามที่ถูกเรียกร้อง คิดเป็นเพียง 5% ของเงินสดในมือปัจจุบัน และคิดเป็น 1.40 บาท/หุ้น ผลกระทบจำกัดมาก แต่ถึงแม้ไม่มีประเด็นนี้ เรายังคงคำแนะนำขาย ราคาพื้นฐานปี 2016 ที่ 80 บาท/หุ้น
(+) KSL กำไรจากการดำเนินงานหลักกำลังจะผ่านจุดต่ำสุดใน 4Q16 (ส.ค.-ต.ค.16) เพราะเป็นช่วง Low season และราคาน้ำตาลที่ลดลง ทำให้กำไรทั้งปีน่าจะ -15% Y-Y แต่แนวโน้มปี 2017 สดใสขึ้นจากทิศทางราคาน้ำตาลโลกที่น่าจะสูงขึ้นจากภาวะขาดดุลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันราว 8 – 9 ล้านตัน ล่าสุด KSL ทยอยล็อกราคาขายส่งออกของปีหน้าไปแล้ว 70% ที่ราคาสูงขึ้นถึง 29-35% Y-Y รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอล เราปรับกำไรปี 2017 ขึ้นเป็นโตก้าวกระโดด 75% Y-Y เพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 4.80 บาท แนะนำซื้อ
(+) EKH ราคาหุ้นปรับลงมาจน upside เปิดกว้างที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลที่อยู่ใน FSS coverage เราให้ EKH เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มเพราะกำไรที่เติบโตสูงสุด กำไรงวด 9M16 ก้าวกระโดด +74% Y-Y แนวโน้ม 4Q16 ยังแกร่งต่อเพราะหน้าฝนที่ยาวนาน โดย EKH มีศูนย์แม่และเด็ก และศูนย์อุบัติเหตุเป็นศูนย์ที่สร้างรายได้หลัก เรายังคาดกำไรทั้งปีนี้ +67% Y-Y ปีหน้า 20% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 8 บาท
(-) TFG แม้ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์จะปรับลงแรงแล้วแต่ยังสูงเกินพื้นฐานและมี 2017PE แพงสุดในกลุ่มไก่ และแม้ไข้หวัดนกที่ระบาดในญี่ปุ่นและยุโรปจะทำให้ราคาไก่ขยับขึ้นมาในสัปดาห์ก่อน แต่หากควบคุมสถานการณ์ได้ ปัญหา Oversupply ของไก่ในประเทศในปีหน้าจะกลับมาน่าวิตก ซึ่ง TFG จะถูกกระทบที่สุดเพราะมีสินค้า Value added น้อยมาก ขณะที่การเก็บภาษีโรงเชือดกระทบ TFG มากสุดเพราะธุรกิจหลัก 60% มาจากไก่ ยังคงแนะนำขาย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ธ.ค. - ยูโรโซน: 3Q16 GDP
8 ธ.ค. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: 3Q16 GDP
- ยูโรโซน: ECBประชุม
10 ธ.ค. -จีน:สินเชื่อเดือน พ.ย.
12 ธ.ค. - ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย ปิดทำการ
13-14ธ.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
13 ธ.ค. -จีน:Industrial Production (พ.ย.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey (ธ.ค.)
14 ธ.ค. - ญี่ปุ่น:ดัชนี Tankan (4Q16)
- ยูโรโซน:Industrial Production (ต.ค.)
15 ธ.ค. - เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BoK)ประชุม
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ธ.ค.)
16 ธ.ค. -สหรัฐ:Housing starts, Building permits (พ.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ได้ต่อเนื่อง หลังประชาชนอิตาลีลงมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้เช่นกันหลังประชาชนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลีและทำให้นายกฯมัตเตโอ เรนซีลาออกจากต่ำแหน่ง
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใส
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัว โดยล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ขยับขึ้น 0.11 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.79 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2015 โดยยังหได้รับอานิสงส์บวกหลัง OPEC สามารถตกลงร่วมมือกันลดกำลังการผลิตได้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 1.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,176.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อในวันนี้หลังตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวขึ้น ขณะที่กระแสการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมเดือนนี้ยังเป็นปัจจัยกดดัน
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch