- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 August 2014 16:06
- Hits: 3037
บล.ฟิลลิป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นวันนี้ : ยังอยู่ช่วงพักตัว แต่จะแกว่ง Sidewaysมากขึ้น
เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยย่อตัวสู่กรอบการพักฐานต่อเนื่อง แม้ดิ่งหนักระหว่างวัน แต่ท้ายตลาดยังดีดตัวลดช่วงลบมายืนปิดเหนือระดับ 1500 จุด ได้
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงต่อ ขณะที่ดัชนี VIX ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลของ นักลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากข่าวร้ายต่างๆ เช่น การผิดนัดชำระหนี้ของอาเจนติน่า ขณะที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐแม้ออกมาดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าที่คาดไว้
ปัจจัยภายในประเทศยังไร้ข่าวใหม่ที่โดดเด่นเพื่อผลักดันการฟื้นตัวของตลาดอย่างเด่นชัดระหว่างทางยังรอดูความคืบหน้าทางการเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งการรายงานตัวของสมาชิกสนช. ก่อนเปิดการประชุมนัดแรกวันที่ 7 ส.ค. และรอลุ้นรายชื่อนายกฯ+ครม. ต่อไป
คาด SET ยังอยู่ช่วงพักตัวแต่จะเริ่มแกว่งตัวออกด้านข้างมากขึ้น โดยมีการเก็งกำไรงบฯ และความคืบหน้าด้านการเมืองเป็นตัวช่วยประคองการพักตัวของตลาด หากย่อตัวลงสู่ระดับ P/E ที่ค่าเฉลี่ย 60 วัน จะเทียบเท่าดัชนีแถว 1470 เน้นหุ้นรายตัว+ปันผลระหว่างกาลเด่นมากขึ้น
พอร์ตระยะสั้น : หุ้น 25% เงินสด 75%
หุ้นถือต่อในพอร์ต(ราคาเป้าหมายระยะสั้น)
---
หุ้นแนะนำเพิ่ม (ราคาเป้าหมายระยะสั้น) SPCG (26.50) แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 จะดีขึ้นทั้ง y-y และ q-q แถมคาดมีปันผลครึ่งปีแรกราว 0.72 บาท/หุ้นKTB (23.30) 2Q57 ปล่อยสินเชื่อเด่นสุดในกลุ่ม+จะได้ปย.จากโครงการลงทุนของรัฐทำให้โตต่อใน 2H57
หุ้นที่ปรับออก SF ทำกำไร +5.08%, TVD ตัดขาดทุนระหว่างวัน ~3.85%
SET : ต่ำกว่า 1500 ไม่น่าเล่น
ปิดเหนือ 1500 จุดได้อย่างฉิวเฉียด แต่สัญญาณจากเครื่องมือยังให้น้ำหนักในทางลบ ควรรอดูสถานการณ์ โดยการเก็งกำไรควรทำเมื่อตลาดยืน 1500 จุดได้เท่านั้นและขึ้นขายทำกำไรระยะสั้นไปก่อน ต่ำกว่านี้ให้ถอยรอที่ 1480 จุด
หุ้น/แนะนำ แนวรับ แนวต้าน Cut
THCOM Trading 36.00 38.00, 40.00 35.50
HFT Trading 4.36 4.60 4.30
PDG Trading 5.15 5.50-5.60 5.05
ปัจจัยน่าติดตาม
4 ส.ค. ยุโรป PPI (-1% y-y)
5 ส.ค. สหรัฐ Markit Services PMI (60.8) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน (+0.6%) ยุโรป Markit PMI (54.0) ยอดค้าปลีก (+1.4% y-y) จีน HSBC PMI
6. ส.ค. สหรัฐ ดุลการค้า (-4.49 หมื่นล้านดอลลาร์) ยุโรป Markit Retail PMI ไทย ประชุม MPC (คงดอกเบี้ยที่ 2%)
