- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 02 December 2016 18:23
- Hits: 12892
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'กลุ่มพลังงานนำตลาด'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาคตอบรับรับผลจากกลุ่มโอเปกตกลงที่จะลดกำลังการผลิต ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานเยอะมาก (+2.4%) โดยเฉพาะ PTT ที่บวกไป 4.3% ส่วน PTTEP บวกไปถึง +7.3% ขณะที่กลุ่มอื่นๆในช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไรกันออกมา โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มสื่อสาร ปรับตัวลงไป 1.4% และ -0.4% ตามลำดับ ทำให้ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2.14 จุด (+0.14%) มาอยู่ที่ 1,512.38 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายที่ค่อนข้างหนาแน่นในระดับ 62,216.27 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) DJIA ปิด +68.35 จุด มาอยู่ที่ 19,191.93 จุด ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.62% Day มาอยู่ที่ 51.06 US/Barrel เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกลุ่มโอเปกที่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
(+) ราคาถ่านหิน Newcastle ปิดบวก 0.3%Day และ+73%YTD มาปิดที่ 87.70 จุด เป็นบวกกับกลุ่มถ่านหิน BANPU, LANNA
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบ ก.พ. ลดลง 4.5 US (-0.38%Day) มาอยู่ที่ 1,169.40 US/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลง (DAX -1%, FTSE100 -0.45%, CAC-40 -0.4%)เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลการสำรวจหลายสำนักออกมาว่า ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
(+) ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน พ.ย. เท่ากับ 106.79 สูงขึ้น 0.60% YoY ซึ่งขยายตัวสูงสุดในรอบ 23 เดือน บวกกับตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น
(+) ธปท.เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจดีดตัวดีขึ้นอยู่ที่ 49.5 ได้รับแรงหนุนผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย เช่นเดียวกับดัชนีฯ อนาคตเพิ่มมาอยู่ที่ 54.5 ต้นเหตุผู้ประกอบการยานยนต์มองคาดสั่งซื้อในประเทศปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งเริ่มเห็นสินเชื่อ-เงินฝากแบงก์ขยับ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลี ในวันที่ 4 ธ.ค.
ประชุม FED รอบธ.ค. (13-14 ธ.ค.) ตลาดคาดรอบนี้จะขึ้นดอกเบี้ย
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราการว่างงานสหรัฐ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (คืนนี้) โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
กลยุทธ์การลงทุน งเน้นพลังงานต่อ’
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโมเมนตัมของกลุ่มพลังงาน ที่ได้อานิสงค์จากการลดกำลังผลิตของ OPEC ต่อจากวานก่อน แนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่ Laggard จากกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และยังคงแนะนำ ลดน้ำหนักออกจากหุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกย์ กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มปิโตรเคมีที่มีวัตถุดิบเป็นแนฟทา ผู้ผลิตพลาสติกที่มีวัตถุดิบเป็นเม็ดพลาสติก ระยะกลางเรายังมีมุมมองบวกต่อราคาน้ำมันดิบโดยเราคาดหวังการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นเดือน ธ.ค. สำหรับประเด็นที่จะยังฉุดไม่ให้ตลาดปรับตัวเด่น คือความกังวลต่อประเด็นปรับขึ้นดอกเบี้ย FED
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
PTTGC เก็งกำไร
ราคาหุ้นวานนี้ยังไม่ตอบสนองข่าวการปรับลดกำลังผลิต OPEC มองน่าสนใจสำหรับเก็งกำไร Laggard กลุ่ม
PTT เตรียมโอนธุรกิจปิโตรเคมีให้ PTTGC ภายในปี 60
เผยเป้ารายได้เติบโต 22% ในปี 60 จากที่มีแผนการซ่อมบำรุงน้อยลง
SGP เก็งกำไร
ได้ประโยชน์จากราคา LPG ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
ผู้บริหารคาดปริมาณขาย LPG ปี 60 ที่ระดับ 3.15 ล้านตันปรับขึ้นราว 5%
ลงทุน 240 ลบ. สร้างโรงบรรจุแก๊สที่เมียนมาร์ขนาด 3-5 พันตัน
ทีมวิเคราะห์