- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 01 December 2016 18:31
- Hits: 2923
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : BCH, GUNKUL
Our Portfolio Dec 2016 : BEAUTY, BEM, CK, HMPRO, MINT
คาด SET ยังขยับบวกต่อได้ แต่ก็ต้องระวังแกว่งผันผวนด้วย...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งทรงตัวดีขึ้นในช่วงเช้า ตามภาวะตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ซึ่งคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามผลประชุมโอเปกอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ภาคบ่ายจะมีแรงซื้อหนุนเข้ามาอีก จากความคาดหวังเชิงบวกว่าโอเปกน่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการลดการผลิตน้ำมันลง ทำให้ SET ขยับบวกต่อได้อีกในช่วงบ่าย จนกระทั่งสามารถขยับขึ้นปิดบวกกว่า 10 จุด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เช้านี้ตลาดหุ้นในเอเชียยังเปิดบวกสดใส หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อคืนนี้พุ่งขึ้นกว่า 9% จากการที่ผลประชุมโอเปกออกมาไม่น่าผิดหวัง โดยสามารถบรรลุข้อตกลงในการที่จะปรับลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET มีโอกาสที่จะยังขยับบวกต่อได้อีก อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มมีแรงขายกดดันให้อ่อนตัวลงมาปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้แทน (13-14ธ.ค.) โดยนักลงทุนบางส่วนยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ประกอบอีกครั้ง รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังอ่อนตัวลงต่อ ดังนั้นต้องระวังตลาดแกว่งผันผวนไว้ด้วย
กลยุทธ์ : SET ยังขยับบวกได้ดีต่อเนื่อง ทำให้ยังเน้นถือต่อรอขายสูง แต่ต้องระวังจังหวะแกว่งตัวด้วย จึงน่าเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงอ่อนตัวดีกว่าไล่ราคา
แนวรับ 1507-1505 , 1502-1498 จุด
แนวต้าน 1512-1515 , 1520-1527 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : UNIQ , LIT , HMPRO(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$94ล้าน ส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$200ล้าน และไต้หวัน US$18ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซียUS$79ล้าน และไทย US$59ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นหลังโอเปกเซอร์ไพรส์ตลาด รับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) แนวโน้มตลาดหุ้นเดือน ธ.ค. แม้จะมีปัจจัยต่างประเทศมากมายในเดือนนี้ที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย แต่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอลงมากหลังจากขายสุทธิหุ้นไทยอย่างหนักตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยมีโมเมนตัมดีขึ้น ฐานะการคลังแข็งแกร่งกว่าหลายประเทศในเอเชีย และมองไปปีหน้ามีแววสดใสจากการประมูลโครงการภาครัฐที่จะเริ่มตั้งแต่ต้นปี ทำให้ตลาดหุ้นไทยและค่าเงินบาทอยู่ในเกณฑ์ที่แกร่งกว่าเพื่อนบ้าน ประกอบกับเดือน ธ.ค. เป็นเดือนแห่ง LTF/RMF น่าจะผลักดันให้ SET Index 1,530 จุดมีความเป็นไปได้ (1,550 จุดต้องลุ้น) ในดือนนี้เราแนะนำหุ้นเด่นคือ BEM, BEAUTY, CK, HMPRO, MINT
• (+) OPEC บรรลุข้อตกลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เหลือ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน มีผล ม.ค. 2017 โดยอิหร่าน ลิเบีย และไนจีเรียได้รับยกเว้น ทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น 8-9% เป็นบวกต่อ PTT และ PTTGC หลังจากนี้จับตาการประชุมกลุ่ม Non-OPEC 9 ธ.ค. ว่าจะกำลังการผลิตหรือไม่
• (0) ดอลลาร์แข็งค่าเร่งตัวขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจสดใส การจ้างงานภาคเอกชนดีกว่าคาดมาก น่าจับตา Statement ของการประชุม Fed กลางเดือนนี้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าจะเร่งตัวมากขึ้นหรือไม่ (ถ้าปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงและเร็ว เป็นลบกับหุ้นและทองคำ)
• (+) BCH เราปรับประมาณการกำไรปี 2016-17 ขึ้น 10-13% เป็นเติบโต 45% Y-Y ในปีนี้และ +14% Y-Y ในปีหน้า จากกำไรที่ดีกว่าคาดใน 3Q16 และแนวโน้มสดใสต่อใน4Q16 จากรายได้ผู้ป่วยเงินสดที่โตดีทั้งจากรพ.เดิมและ WMC และอาจมีรายได้เพิ่มจากกลุ่ม 26 โรคเรื้อรังที่สนง.ประกันสังคมจะจ่ายเงินในช่วงปลายปี และมีลุ้นสนง.ประกันสังคมปรับอัตราการจ่ายเงินให้สูงขึ้น คาดรู้ผลต้นปีหน้า เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น16 บาทจาก 14 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
• (+) GUNKUL แนวโน้มกำไร 4Q16 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่น่าผิดหวัง เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานลม “WED” เฟส 2 ขนาด 50 MW เริ่ม COD มาตั้งแต่กลางไตรมาส รวมทั้งมีรายได้งานก่อสร้างเพิ่ม อย่างไรก็ตาม กำไรปกติปี 2016 คาดลดลง10% Y-Y แต่จะเติบโตสูงเฉลี่ย 58% ต่อปีในปี 2017-18 จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆที่มี Margin สูงเพิ่มขึ้น จากเดิมรายได้หลักมาจากธุรกิจ Trading และรับเหมาสร้างโรงไฟฟ้า เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2017 ที่ 6 บาท แนะนำซื้อ
• (+) ปี 2017 ปีทองกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วันนี้รฟม.จะเปิดซองข้อเสนอทางเทคนิคของผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินด้านคุณสมบัติในรอบแรกของรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกมูลค่า 7.97 หมื่นล้านบาท และคาดประกวดราคา 6 ม.ค. 2017 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองจะประมูล 1Q17 (คู่แข่งคือ BTS และ BEM) สำหรับรถไฟทางคู่ 5 สายที่ค้างท่อ มูลค่า 9.82 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปิดขายซองพร้อมกันไปแล้ว จะประมูล 3 - 10 ก.พ. ปีหน้า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างน่าจะโดดเด่นได้อีกหลายเดือนข้างหน้า เก็งกำไรผู้รับเหมาขนาดใหญ่ CK, ITD, STEC, UNIQ ล้วนมีโอกาสได้งาน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1 ธ.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (พ.ย.), อัตราเงินเฟ้อ
(พ.ย.), เปิดซองเทคนิคของผู้เข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (พ.ย.)
- สหรัฐ: Fed Beige Book, ISM Manufacturing (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ย.)
2 ธ.ค. - เกาหลีใต้: 3Q16 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (พ.ย.)
4 ธ.ค. - อิตาลี: ลงประชามติแก้ไขร่างรธน.
- ออสเตรีย: เลือกตั้งประธานาธิบดี
5 ธ.ค. - จีน: Caixin PMI composite (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ย.)
6 ธ.ค. - ยูโรโซน: 3Q16 GDP
8 ธ.ค. - จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- ญี่ปุ่น: 3Q16 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้เล็กน้อยจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส อย่างไรก็ตามกรอบการบวกยังไม่กว้างนักเนื่องจากยังรอดูการประชุม OPEC ในวันนี้
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมโดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง รวมถึงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในภูมิภาค
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดทรงตัวโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง อย่างไรก็ตามตลาดยังจับตาดูผลการประชุม OPEC ในวันนี้
(0) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.55-35.70 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. พุ่งขึ้น 4.21 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังการประชุม OPEC ได้บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งเป็นการลดกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 16.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,173.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรง นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังออกมาแข็งแกร่ง
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research