- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 November 2016 23:58
- Hits: 12400
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : หุ้นรายตัวยังเป็นบวก แต่เพิ่มความระวังภาวะตลาดหลังต้น ธ.ค.
เราคาดหุ้นไทยยังมีบรรยากาศของการเก็งกำไรรายตัวเชิงบวก ที่ผลักดันด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเราประเมินโมเมนตัมของการเก็งกำไรจะชะลอตัวลงในช่วงธ.ค.อันเนื่องมาจากการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง และความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากการปรับพอร์ตระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ (asset classes) ที่จะเกิดขึ้นอย่างจริงจังหลังการปรับขึ้นอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าจะเกิดในการประชุมรอบธ.ค.นี้
ราคาน้ำมันดิบลดลง 3.9% เราประเมินในกรณีโอเปคไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต ราคาน้ำมันอาจลดลงบ้าง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด ทั้งประมาณการ GDP 3Q59 ที่ 3.2% (ดีกว่า 2.9% ในครั้งแรก) ราคาบ้าน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 5.5% สูงสุดนับจาก ก.ค.49 และความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย.ที่ 107.1 (สูงกว่าตลาดคาด 101.2) น่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงการลงอย่างรุยแรงของราคาน้ำมัน
ประชุมครม.อนุมัติมาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มอีก 15,000 บาท สำหรับการใช้จ่าย ธ.ค.59 รวมปีนี้ 30,000 บาท สำหรับมาตรการช้อปช่วยชาติ คาดเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งจะยังคงเป็นปัจัจยบวกต่อหุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ
ปัจจัยอื่นๆ: MSCI rebalancing – ระวังความผันผวนและแรงทำกำไรของหุ้นที่ปรับขึ้นมากจากการถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI มีผล 30 พ.ย. ได้แก่ MSCI Thailand Index: (+) BJC, KCE / MSCI Thailand Small Cap: (+) COM7, MALEE, TKN, TFG (-) ASP, BJCHI, CBG, COL, CGD, DNA, ROJNA // 30 พ.ย. – โอเปค หารือเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.)
แนวรับ/แนวต้าน : 1485-1490 /1500-1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
คำแนะนำทางกลยุทธ์ : คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดเคลื่อนไหว 1490-1500 เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี แต่เพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค.อันเนื่องมาจากความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, ERW, DCC / เก็งกำไร PSTC*, TK*, JMART*
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT
- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL
- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*
- Opportunity day: 30 พ.ย. – A, GUNKUL, PTG, SGP, LALIN/1 ธ.ค. – BCPG, HTECH, SENA, AIT/ 2 ธ.ค. – PJW, THRE, JUBILE, EA, TM / 6 ธ.ค. – MEGA, SEAFCO, ORI, DEMCO, PYLON
หุ้นแนะนำ
AOT (450) : เป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่การแตกพาร์เหลือ 1 บาท (จาก 10 บาท) สร้างจิตวิทยาเชิงบวกต่อการเก็งกำไร
ERW (5) : หุ้น top pick กลุ่มโรงแรม เป็นผู้เล่น pure hotel play ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็น low season เริ่มพลิกเป็นมีกำไร บ่งชี้ว่าผลการดำเนินงานอยู่ในการฟื้นตัว (turnaround) คาดผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญจำกัด ขณะที่การลงทุนโรงแรมประหยัดและ budget hotel คาดจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตในช่วง 1-2 ปีนี้
DCC (5) : ผ่าน low season ไตรมาส 3 โดยมีงบที่เติบโต YoY โดดเด่น และเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจไตรมาส 4-1 ราคาพลังงานในระดับต่ำ off-set ราคาขายที่ลดลงได้ และการขยายกำลังการผลิตอีก 3 แสนตรม. ช่วยเพิ่มอุปทาน
PSTC* (1) : หุ้นพลังงานทดแทนที่มีความชำนาญพิเศษด้านไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ กำลังการผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 59 และ 60 คาดอยู่ที่ 30 และ 50MW ขณะที่มีอัพไซด์เพิ่มจากการประมูลไฟฟ้าชีวมวล 400MW ราว ก.พ.60
TK* (12) : ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรอง ขณะที่ยอดการเช่าซื้อจักรยานยนต์เริ่มกลับเป็นบวก นอกจากนี้มีแผนเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อที่กัมพูชาและอินโดนีเซียตามลำดับ
JMART* (14) : การปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มมีความคืบหน้า ธุรกิจเข้าสู่ high season ช่วงปลายปี และคาดได้อานิสงค์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ (16-31 ธ.ค.) ที่น่าจะเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)
นักกลยุทธ์: กิจพล ไพรไพศาลกิจ Email: [email protected]