- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 November 2016 17:45
- Hits: 1506
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังคงขยับขึ้นลักษณะ sideways-to-sideways-up โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ MSCI, กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มไฟแนนซ์ ที่ 2 กลุ่มหลังเก็งกำไรต่อมาตรการช็อปช่วยชาติ #2 ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเล็กน้อย 0.38 จุด มาอยู่ที่ 1,500.78 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 37,009 ล้านบาท
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 26 วันทำการ 44 ล้านบาท แต่คง Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 7,113 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 1,851 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามการประชุมครม.วันนี้ อาจมีการพิจารณาและอนุมัติโครงการ "ช็อปช่วยชาติ#2"
- ติดตามวาระพิเศษที่จะเสนอต่อ สนช.ช่วง 11.00 น. เช้านี้
- เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดของไทยพร้อมกันอีกครั้ง
- รัสเซียและอิหร่านตกลงร่วมกันในการดูแลราคาน้ำมันและก๊าซในตลาดโลก
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง - Sideways (วันที่ 15)
เราประเมิน SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นลักษณะ sideways-to-sideways-up เพื่อทดสอบด่านแรก 1,510 จุดในวันนี้ เพราะเชื่อว่าการประชุมสนช.นัดพิเศษในวันนี้จะเป็นวาระสำคัญต่อประเทศไทย หากเป็นไปตามคาดจะทำให้เกิดบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกตามมาได้ ภายใต้กระแสเงินทุนต่างชาติที่เป็นกลาง ณ ปัจจุบัน หลังลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่รู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ วันที่ 9 พ.ย.
นอกจากนี้สัญญาณเด่นอีกประการคือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มทรงตัวถึงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับฐานลงอีกครั้ง สะท้อน "Trump Effect" ได้สะท้อนเข้าไปในการลงทุนทั้งสินทรัพย์เสี่ยง และ Safe haven ของสหรัฐฯ แล้ว ผลกระทบต่อค่าเงินสกุลอื่นๆ ในเอเชียลักษณะอ่อนค่าย่อมคลายตัวเช่นกัน
ด้านราคาน้ำมันดิบ NYMEX กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังรัสเซีย และอิหร่าน ตกลงร่วมกันในการร่วมมือเพื่อประคองราคาน้ำมันและก๊าซในตลาดโลก ช่วย Sentiment เชิงบวกก่อนการประชุมโอเปกในวันพรุ่งนี้ ทำให้กลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมียังทรงตัวได้แข็งแกร่ง
กลยุทธ์การลงทุนเรายังคงแนะนำ "ถือพอร์ตเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,520 จุด +/-" และอาจเข้าเก็งกำไรต่อกลุ่มหลักที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวในสัปดาห์นี้ ประเมินกรอบแกว่ง SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,495-1,510 จุด
Strategy of the Day
1. สะสม IRPC : ราคาปิด 4.80 บาท ราคาเหมาะสม 5.70 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จะปรับตัวขึ้นในวันนี้ ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน NYMEX ที่ฟื้นตัว +2.2% เพื่อเก็งกำไรการประชุม OPEC ในวันพรุ่งนี้
b) คาดกำไรจากกการดำเนินงานปกติ 4Q59 จะเติบโต qoq เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่โครงการ UHV เดือนเครื่องเต็มที่ 100% ซึ่งจะช่วยหนุน GIM ให้ปรับตัวขึ้น นอกจากนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปค่าปรับงานล่าช้าภายในปีนี้ และบันทึกเป็นกำไรพิเศษใน 1Q60
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2560 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต +10% yoy เป็น 11,412 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โครงการ UHV เต็มปี และมี Upside Risk จาก Stock Gain เนื่องจากเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 2560 จะเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2559 นอกจากนั้น ยังมีจุดเด่นที่จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง จึงให้ผลตอบแทนจากจากเงินปันผลปี 2559 สูงถึง 4.8%
2. เก็งกำไร HMPRO : ราคาปิด 10.10 บาท ราคาเหมาะสม 11.70 บาท
a) หุ้นกลุ่มค้าปลีกมี Sentiment เชิงบวก เนื่องจากคาดว่าการประชุม ครม.ในวันนี้จะมีการพิจารณาอนุมัติให้นำเงินค่าใช้จ่าย Shopping จำนวน 30,000 บาท ระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค. นำมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ เพื่อกระตุ้นภาคบริโภคในประเทศ
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q59 จะขยายตัว qoq ทำระดับสูงสุดของปี 2559 เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และมีการจัดงาน HomePro Expo เพื่อกระตุ้นยอดขาย
c) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้น HMPRO ปรับตัวขึ้นเพียง +3.5% เทียบกับ BIG +22.3%, GLOBAL +11.4%, ROBINS +13.1%, COM7 +13.1%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ US$184 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$9 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน แม้ว่าจะไม่หนาแน่นก็ตามนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 26 วันทำการ 44 ล้านบาท จาก 25 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 38,838 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิแทบไม่เปลี่ยนแปลง 82,613 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเล็กน้อยเป็น 7,114 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 13,693 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short และทำให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมามีสถานะ Long สุทธิอีกครั้ง 3,799 สัญญา ทั้งนี้ S50Z16 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 19 วันทำการ 1.22 จุด จากวันก่อนหน้าปิด Discount เพียง 0.16 จุด
และนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 1,851 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 5,411 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีลดลง 0.76bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.83bps ปิดที่ 2.611%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 514 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 361 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 51 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 52 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งเน้นหุ้น MSCI เด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 618 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 115 ล้านบาท โดยเป็นการสะสมกลุ่มธนาคารเด่น 282 ล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 193 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 150 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่มขนส่ง 183 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน 100 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
นาย Fillon ชนะรอบที่สองในการเป็นตัวแทนพรรค Les Republicans ของฝรั่งเศส: การลงคะแนนรอบที่ 2 เพื่อหาตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปีหน้า พบว่านาย Francois Fillon ได้รับเสียงสนับสนุนสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 นาย Fillon ชูประเด็นเพิ่มอายุการเกษียณ, ลดสวัสดิการสังคม และยกเลิกชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ที่ 35 ชั่วโมง คาดว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนที่มากกว่าคู่แข่งจากพรรค National Front นาย Marine Le Pen
OECD คาดสหรัฐฯ จะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจโลกในปีหน้า: รายงาน OECD พบว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัว 2.9% และขยับเป็น 3.3% และ 3.6% ในปี 2560-2561
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดเติบโต 2.3% ในปี 2560 เร่งขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนที่ 2.1% และแตะระดับ 3.0% ปี 2561 เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 จากผลของการลดภาษีนิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พร้อมกับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
- เศรษฐกิจจีน คาดเติบโต 6.7% ปีนี้ และลดลงเป็น 6.4% ในปีหน้า แต่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีกว่าการประชุมครั้งที่ก่อน
- เศรษฐกิจอังกฤษ คาดเติบโต 2.0% ปีนี้ ปรับขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนที่ 1.8% แต่จะลดลงเหลือ 1.0% ในปี 2561 จากผลของ Brexit
- เศรษฐกิจญี่ปุ่น คาดเติบโต 0.8% ปีนี้ ปรับขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนที่ 0.6% และขึ้นเป็น 1.0% ในปี 2660 จากตลาดสหรัฐฯ ที่จะนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นมากขึ้น
- เศรษฐกิจอียู คาดเติบโต 1.7% และ 1.6% ในปี 2559-2560 ตามลำดับ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีกว่าการประเมินครั้งก่อนในเดือนก.ย. แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนของ Brexit เข้ามาก็ตาม
จีน
จีนอนุมัติโครงการรถไฟสำหรับ Jing-Jin-Ji มูลค่า 2.47 แสนล้านหยวน: The National Development and Reform Commission ได้อนุมัติโครงการทางรถไฟเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลวงปักกิ่งและมณฑล Hebei รวมทั้งสิ้น 9 โครงการระยะทาง 1,100 กม. โดยจะใช้เวลาก่อสร้างจนถึงปี 2563 มูลค่าเงินลงทุน 2.47 แสนล้านหยวน
ธนาคารกลางจีนประเมินเงินหยวนแข็งค่า: รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน นาย Yi Gang ให้ความเห็นต่อค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจะเป็นการไม่เหมาะสม แต่ควรพิจารณาในลักษณะเป็นตะกร้าเงิน ซึ่งจะพบว่าเงินหยวนยังคงแข็งค่าและมีเสถียรภาพ
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางอินเดียเตรียมประเมินหลักเกณฑ์การฝากเงินของธนาคาร: ธนาคารกลางอินเดียเตรียมหารือกับธนาคารพาณิชย์ ถึงการฝากเงินในส่วนของสภาพคล่องส่วนเกิน หากรัฐบาลออกมาตรการและทำให้สภาพคล่องในระบบมากเพียงพอ เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดเงิน ล่าสุดธนาคารกลางอินเดียสั่งให้ธนาคารพาณิชย์สำรองเงินสดกับทางธนาคารกลางมากขึ้น เพื่อดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบ คาดเป็นเงิน 3.24 ล้านล้านรูปี (US$4.429 หมื่นล้าน) ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศยกเลิกใช้ธนบัตร 500 รูปี และ 1,000 รูปีแบบเก่า
ไทย
ส่งออกเดือนต.ค.กลับมาหดตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน: กระทรวงพาณิชย์ รายงานการส่งออกเดือนคต.ค. กลับมาหดตัวอีกครั้งที่ -4.2% yoy สวนทางจากที่ตลาดคาดขยายตัวราว 1.14-1.40% ทั้งนี้ เป็นการลดลงของทั้งกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรสำคัญ การลดลงของสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์และส่วนประกอบ ทองคำ และเหล็ก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานมูลค่าการส่งออกที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าขยายตัว 6.5% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 248 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการส่งออกในช่วง 10M59 หดตัว -1.0% และการนำเข้าหดตัว -5.9% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 18,178 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนสุดท้าย จากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว
ธปท.คงประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ที่ 3.2%: ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะรอดูภาวะเศรษฐกิจปลายปีนี้อีกครั้งก่อนจะมีการประเมินภาพรวมในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากมองว่ามีหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย แต่ขณะนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะขยายตัวได้ราว 3.2% และปี 2560 ก็น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% เช่นกัน
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst