- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 November 2016 17:00
- Hits: 2541
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศ โดยคาดอยู่ระหว่างรอ (-) การประชุมของเฟด ในเดือน ธ.ค. (13 – 14/12/59) ที่คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย อย่างไรก็ตามคาดอาจได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ (LTF / RMF) ในช่วงปลายปี
ทางด้านเงินสหรัฐฯ ล่าสุดอ่อนค่าลงมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ภายใต้ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ข้างต้น และความคาดหมายนโยบายของทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่ง 20/1/60) จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดยังเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
นอกจากนี้ (+/-) จากความไม่แน่นอนการประชุมของกลุ่ม OPEC ในวันที่ 30/11/59 ว่าจะสามารถเจรจาลดปริมาณการผลิตของแต่ละประเทศได้หริอไม่?
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดภาพรวมยังเป็น Sentiment บวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งการเพิ่มกำลังการซื้อให้กับกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย และการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มโรงแรม
รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า (สีเหลือง และชมพู) และรถไฟทางคู่ ในเส้นทางต่างๆ ที่คาดทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องในปี’60
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
SET SET50 SET100
1,500.40 +10.29 935.46 +7.43 2,110.11 +17.06
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +68.96, NASDAQ +18.24, S&P +8.63, FTSE +11.55, CAC +7.71 และ DAX +10.01
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนี ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภายใต้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในวันแบล็กฟรายเดย์ ส่งผลดีต่หอหุ้นกลุ่มค้าปลีก
และมุมมองที่เป็นบวกหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แม้จะยังมีการชุมนุมประท้วงนายโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ตลาดให้ความสนใจนโยบายของนายทรัมป์มากกว่า โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้น – พ.ย. อยู่ที่ 54.7 ลดลงเล็กน้อยจาก 54.8 เมื่อ ต.ค.
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. -US$1.90 อยู่ที่ US$46.06 ต่อบาร์เรล ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง จากความไม่มั่นใจว่าการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30/11/59 จะสามารถบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตน้ำมันได้หรือไม่?
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$10.9 อยู่ที่ US$1,178.4 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการลดถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ –519 ล้านบาท สะสม YTD +82,569 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.8 1.89 3.13
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,866.60
สถาบัน -14.56
บัญชีหลักทรัพย์ 968.19
ต่างประเทศ -519.07
ในประเทศ -434.56
ประเด็นที่ต้องติดตาม 28 พ.ย. – 2 ธ.ค. 2559
28/11/59 ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
29/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของ GDP – 3Q/59
ราคาบ้านเดือนก.ย.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.
30/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.
รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนพ.ย.
ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค.
สต็อกน้ำมัน
1/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.
ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.
2/12/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนพ.ย.
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.37% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.09 อยู่ที่ 12.34
หุ้นแนะนำ : หุ้นในงานสัมนา เมื่อ 26/11/59
JASIF, MALEE, TKN, SYNTEC, VNG, MTLS, THANI,
BANPU, IVL, AP และ CPN
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788