- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 November 2016 16:57
- Hits: 2485
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ถูกกดดันจากน้ำมัน แต่เชื่อตลาดยังมีบรรยากาศเก็งกำไรเชิงบวก
เรามีมุมมองหุ้นไทยยังคงมีบรรยากาศการเก็งกำไรเชิงบวก แม้อาจแกว่งผันผวน เราคาดตลาดจะมีแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลัง ซาอุดีอาระเบีย ในฐานะแกนนำกลุ่มโอเปก แจ้งตัวแทนรัสเซียขอยกเลิกการหารือนอกรอบ ก่อนจะมีการประชุมหารือเรื่องลดกำลังการผลิตน้ำมันของโอเปคในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งส่งสัญญาณว่าการหารือภายในของชาติในโอเปคอาจยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามเรายังคงมองความเสี่ยงทางลงระยะสั้นจำกัด จากการที่ MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยขึ้น 0.07% (สู่ 2.29%) มีผล 30 พ.ย.นี้
มาตรการกระตุนเศรษฐกิจภาครัฐ ทั้งมาตรการสนับสนุนท่องเที่ยวและการกระตุ้นค่าใช้จ่าย ยังน่าจะสร้างจิตวิทยาเชิงบวกต่อการเก็งกำไรรายตัวในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้รัฐบาลเตรียมเพิ่มงบเศรษฐกิจระดับจังหวัดขึ้น ขณะที่ในการประชุมครม. 29 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอเพิ่มวงเงินลดหย่อยภาษีสำหรับมาตรการสนับสนุนการบริโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (ช้อปช่วยชาติ) จาก 1.5 เป็น 3 หมื่นบาท และอาจขยายเวลา เป็15-30 วัน และดึงห้างสรรพสินค้ารวมถึงผู้ค้ารวมลดราคากระตุ้นการใช้จ่ายสิ้นปี ซึ่งเราประเมินส่งผลบวกต่อหุ้น กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT
ปัจจัยอื่นๆ: ธนาคาร - บริษัทจัดอันดับเครดิต S&P คงเครดิต 6 ธนาคารไทย ฐานะเงินทุนแกร่ง เนื่องจากมีเงินทุนสำรองที่มากเพียงพอ เรามอง SCB น่าจะผ่านวงจรสูงสุดของหนี้เสียแล้ว ขณะที่ KBANK ยังจะเผชิญแรงกดดันจากหนี้ SME ในปีหน้า / HREIT - เข้าซื้อขายเป็นวันแรก อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของไทยช่วงจองซื้อ 9-14 พ.ย. อยู่ที่ 2.312-2.59% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2.529% ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนในทิศทางปรับขึ้น อาจทำให้ราคาหลังเข้าซื้อขายไม่หวือหวา หรือไม่มีประเด็นบวกในเการก็งกำไรมากนัก / ข้อมูลบริษัทจาก Opportunity day: 28 พ.ย. – BANPU, LHK, NDR, TMILL, TTA, K / 30 พ.ย. – โอเปค หารืออีกครั้งเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.)
แนวรับ/แนวต้าน : 1485 /1500-1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
คำแนะนำทางกลยุทธ์ : ก่อนการประชุมโอเปค 30 พ.ย. ราคาน้ำมันที่น่าจะมีความเสี่ยงทางลงจำกัด ชาวยจำกัดความเสี่ยงของตลาด คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดยกกรอบขึ้น 1485-1505 กลยุทธ์วันนี้ขอเลือกหุ้นท่องเที่ยว ปิโตรเคมี และพลังงาน รวมถึงเก็งกำไรในหุ้นที่มีประเด็นบวก (soft commodity) ยังขอเลี่ยงหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, ERW, SCB / เก็งกำไร FSMART*, TK*, SYNEX*
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL
- หุ้นที่มีธุรกิจ หรือฐานการผลิตในสหรัฐฯ: IVL, EPG, TU
- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*
- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH, DCC, DRT
หุ้นแนะนำ
AOT (464) : คาดเป็นเป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ERW (5) : หุ้น top pick กลุ่มโรงแรม เป็นผู้เล่น pure hotel play ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็น low season เริ่มพลิกเป็นมีกำไร บ่งชี้ว่าผลการดำเนินงานอยู่ในการฟื้นตัว (turnaround) คาดผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญจำกัด ขณะที่การลงทุนโรงแรมประหยัดและ budget hotel คาดจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตในช่วง 1-2 ปีนี้
SCB (190) : ธนาคารใหญ่ที่ผ่านวงจรสูงสุดของหนี้เสียแล้ว ขณะที่มี upside จากการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา ปี 2560 คาดการณ์ dividend yield ที่ 4.4% และกำไรเติบโต 15.6% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่
FSMART* (20) : ได้ประโยชน์จากการที่ 7-11 ยกเลิกรับเติมเงินให้ AIS ทำให้ยอดเติมเงินผ่านตู้บุญเติมเติบโตอย่างโดดเด่น และไตรมาส 4/59 ยอดเติมเงินเติบโตราว 30-40% คาดกำไรทำจุดสูงสุดอย่างโดดเด่นอีกครั้ง
TK* (12) : ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรอง ขณะที่ยอดการเช่าซื้อจักรยานยนต์เริ่มกลับเป็นบวก นอกจากนี้มีแผนเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อที่กัมพูชาและอินโดนีเซียตามลำดับ
SYNEX (5.50) : ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งจากโครงการภาครัฐ ขณะที่มีโอกาสได้ผลบวกมาตรการสิ้นปี
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)
นักกลยุทธ์: กิจพล ไพรไพศาลกิจ Email: [email protected]