- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 November 2016 16:52
- Hits: 2542
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เจรจาลดกำลังผลิตน้ำมันไม่แน่อีกแล้ว
คาดหุ้นไทยวันนี้ไม่ไปไหนไกล และอาจปิดลบจากราคาน้ำมันที่ร่วงติดต่อกัน ซึ่งจะกดดันกลุ่มพลังงานและตลาดโดยรวม หลังจากตลาดเริ่มไม่แน่ใจว่าการเจรจาในวันพุธนี้ OPEC จะตกลงปันส่วนลดกำลังการผลิตได้ หลังจากซาอุดิอาระเบียออกมากล่าวว่าตลาดน้ำมันจะเข้าสู่สมดุลได้เองโดยผู้ผลิตไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง ในประเทศโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลหลายโครงการพร้อมเริ่มแล้ว ได้แก่ รถไฟรางคู่ 5 สาย ส่วนที่สองของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประโยชน์ต่อ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง
หุ้นเด่นวันนี้ : SCB (ราคาปิด 144.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 185.00 บาท)
บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากเราคาดว่าธนาคารน่าจะมีความกดดันน้อยลงในการตั้งสำรองหนี้สูญในไตรมาส 4/59 และในปีหน้า หนึ่งในสาเหตุหลักคือธนาคารได้มีการตั้งสำรองพิเศษไปแล้วในช่วง 9 เดือนแรกของปี อีกสาเหตุหนึ่งคือปัจจัยบวกจากแผนฟื้นฟูกิจการของ SSl ซึ่งหาก SSl สามารถดำเนินแผนฟื้นฟูกิจการได้สำเร็จ สินเชื่อของ SSl ประเทศไทยจะสามารถจัดอยู่ในกลุ่มสินเชื่อปกติได้ ส่งผลให้ NPL ของธนาคารลดลงและระดับอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ทำให้ธนาคารน่าจะมีแรงกดดันน้อยลงในการตั้งสำรอง ซึ่งการตั้งสำรองที่ลดลงนี้น่าจะช่วยผลักดันกำไรของธนาคารให้เติบโตได้มากขึ้น นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์ของ SCB ยังถือว่าแข็งแกร่งพอควรเนื่องจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ในไตรมาส 3/59 อยู่ในระดับต่ำสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ ในขณะที่ Coverage ratio สูงเป็นอันดับสองรองจาก BBL นอกจากนั้นแล้ว สินเชื่อของ SCB ในช่วง 9 เดือนแรกเติบโตถึง 4.3% YTD เทียบกับเป้าทั้งปีของธนาคารที่ 4-6% เราคาดว่าสินเชื่อของธนาคารจะเติบโต 6.0% ในปี 60 หนุนโดยการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากการลงทุนของภาครัฐ ถึงแม้ว่าเราประมาณการว่ากำไรจะโตเพียงแค่ 1.4% ในปีนี้ แต่เราคาดว่ากำไรในปีหน้าจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 9.0% YoY อีกทั้ง หุ้นดังกล่าวยังให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจที่ 4.2% ในปี 60 Price Pattern ของ SCB กลับมาเกิดความแข็งแกร่งระยะสั้นอีกครั้ง จากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ โดยยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal เพียงแต่ยังต้องรอความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เสียก่อน โดยหาก Price Pattern ของ SCB สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 151 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Sell Signal ครั้งใหม่ทันที ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SCB มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 145 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ SCB มีความแข็งแกร่งมากพอด้วยการปิดตลาดเหนือ 145 บาทได้สำเร็จ ก็จะมีเป้าหมายต่อไปอยู่ที่ 155 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 165 บาท ตามลำดับ ซึ่ง SCB มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 142.50 บาท (Resistance: 145.00, 145.50, 146.50; Support: 144.00, 143.00, 142.50)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เตรียมประมูลโครงการรถไฟรางคู่ 5 โครงการธ.ค. นี้ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าในระหว่างวันที่ 13-20 ธ.ค. นี้ ทางรัฐบาลจะสามารถเปิดประมูลและขายแบบประกวดราคาในโครงการรถไฟรางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง ระยะทางทั้งสิ้น 702 กิโลเมตร มูลค่าโครงการรวม 1.015 แสนลบ. จากนั้นจะเปิดให้ยื่นข้อเสนอทางด้านเทคนิคในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ปีหน้า และคาดว่าจะสามารถลงนามพร้อมกันทั้ง 5 สายได้ในเดือน มี.ค. (Bangkok Post)
พร้อมเปิดประมูลสัญญาขยายสนามบินสุวรรณภูมิ กระทรวงคมนาคมกล่าวว่า AOT พร้อมที่จะเปิดประมูลการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 รวม 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทแล้ว โดยโครงการแรกมูลค่า 4.9 พันล้านบาทครอบคลุมการขยายตัวของฝั่งตะวันออกของอาคารผู้โดยสารเดิม โดยจะเปิดให้มีการเสนอราคาในปีนี้ การก่อสร้างงานจะเริ่มต้นในเดือนก.พ. ขณะที่โครงการที่สองมูลค่า 6.6 พันล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อและติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและโลหะที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 57 การก่อสร้างโครงการที่สามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกหลักมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเปิดการเสนอราคาในปีหน้า โดยงานก่อสร้างจะมีกำหนดจะเริ่มต้นใน พ.ย. (Bangkok Post)
การลดหย่อนภาษีช่วงเทศกาลของรัฐบาล รมต.ช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่ากระทรวงกำลังพิจารณากระตุ้นการใช้จ่ายโดยนำเสนอลดหย่อนภาษีมากขึ้นในช่วงปลายปีเป็นสองเท่าจากปีก่อน เป็นลดหย่อนรวม 30,000 บาทต่อคน แต่ระยะเวลาที่ยังไม่ได้รับการสรุป แต่คาดว่าอยู่ในเดือนธันวาคม โดยข้อเสนอที่จะถูกส่งไปยังคณะรัฐมนตรีภายใน 1-2 สัปดาห์(Bangkok Post)
ต่างประเทศ :
พันธบัตรสหรัฐมีผลการดำเนินงานรายเดือนต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปีเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนประเมินอยู่ว่าจะมีการเทขายพันธบัตรต่อไปเป็นจำนวนเท่าใดจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์จะเข้ามาบริหารประเทศ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 2/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.36% เมื่อวันศุกร์ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระโดดขึ้นจากที่ระดับ 1.80% ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมาและในช่วงวันหยุดจากการที่ดอลลาร์สหรัฐเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง 0.3% ที่ระดับ 101.42 หลังเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนในวันก่อนหน้า ดัชนีดังกล่าวร่วงมากที่สุดในรอบวันนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. (Reuters)
การประชุมโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. เป็นประเด็นที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีผลต่อตลาดน้ำมันและตลาดหุ้นอย่างแน่นอน จากความเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเจรจาลดกำลังการผลิต (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีหลักทั้งสามของตลาดหุ้นสหรัฐต่างทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากการเข้าซื้อหุ้นเก็บหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ (Reuters)
ภาคบริการสหรัฐพลิกฟื้นเร็วที่สุดในรอบ 12 เดือน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMl) ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 54.7 ในเดือนพ.ย. ลดลงเล็กน้อยจากที่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. และแข็งแกร่งที่สุดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลให้ตัวเลขเฉลี่ยในไตรมาส 4/59 พลิกฟื้นเร็วที่สุดของกิจกรรมทางธุรกิจนับแต่ไตรมาส 4/58 (lHS Markit)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากรายงานข่าวว่าบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จากสหรัฐ กำลังพิจารณาว่าจะเข้าซื้อกิจการหุ้น Actelion ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติสวิสแห่งนี้ (Reuters)
เหตุการณ์หรือผลที่จะตามมาหลังการลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 ธ.ค. มีแนวโน้มจะทำให้ตลาดเคลื่อนไหวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลที่จะออกมามีความสำคัญ ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ระบุว่าฝ่ายที่ไม่เห็นชอบมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีความปั่นป่วนทางการเงินและการเมืองที่จะเกิดขึ้นไม่เพียงแต่ในอิตาลีเท่านั้นแต่ในยุโรปโดยรวมอีกด้วย (Reuters)
เอเชีย :
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (GPIF) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ใหญ่ที่สุดของโลกรายงานกำไรในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณนี้ที่ 2.37 ล้านล้านเยน (20.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) เป็นผลจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก GPlF มีกำไรเป็นครั้งแรกในสี่ไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอดีตในปี 2557 ในการเพิ่มเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่น หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง GPlF ซึ่งมีการจัดการสินทรัพย์ณ สิ้นเดือนกันยายนที่มีมูลค่าสูงถึง 132.8 ล้านล้านเยน มีผลตอบแทนที่ 1.84% ต่อไตรมาส (Reuters)
การเติบโตของกำไรในภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวดีขึ้นในเดือนตุลาคม โดยได้รับความช่วยเหลือจากยอดขายที่แข็งแกร่งและราคาที่สูงขึ้นของวัตถุดิบ ได้สร้างความเข้มแข็งต่อไปแก่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ผลกำไรในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 9.8% เป็น 616.1พันล้านหยวน (89.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในขณะที่ผลกำไรในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 7.7% กำไรจากอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 8.6% YoY ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 คล้ายกับอัตราการเติบโต 8.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ผลกำไรในภาคเหมืองถ่านหินเพิ่มขึ้น 112.9% YoY ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 ในขณะที่การผลิตเพิ่มขึ้น 13.2% ผลกำไรสำหรับการผลิตสินแร่เหล็กและเหล็กกล้าและบริษัทแปรรูปเพิ่มขึ้น 310.2% YoY ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2559 (Reuters)
การเชื่อมการซื้อขายหุ้นที่รอคอยมานานระหว่างตลาดฮ่องกงและเซินเจิ้นจะเริ่มในวันที่ 5 ธันวาคม หน่วยงานกำกับดูแลกล่าวเมื่อวันศุกร์ การเปิดตลาดทุนของจีนทำให้กับนักลงทุนทั่วโลกสามารถเข้าถึงบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุด การเปิดตัวจะขยายการเชื่อมโยงการซื้อขายที่มีอยู่ระหว่างฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ช่วยให้นักลงทุนต่างชาติค้าหุ้นในตลาดเซินเจิ้นซึ่งเป็นตลาดหนึ่งในที่คึกคักที่สุด และมุ่งเน้นเทคโนโลยี่ของโลกจากฮ่องกง นักลงทุนในประเทศจีนจะสามารถซื้อขายหุ้นฮ่องกงผ่านทั้งตลาดเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ (Reuters)
ราคาเหล็กเส้นล่วงหน้าวิ่งขึ้นมากกว่า 5% ในวันศุกร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 30 เดือนหลังจากที่จีนกล่าวว่าได้ตัดกำลังการผลิตไป 88 ล้านตันในปีนี้ คิดเป็นเกือบสองเท่าของเป้าหมายที่จีนตั้งไว้ รองนายกรัฐมนตรี Liu Yandong กล่าว ซึ่งดีกว่าการรับประกันของว่าจะตัด 45 ล้านตันในกำลังการผลิตเหล็กในปีนี้ และดีกว่าแผนการลดกำลังการผลิตเหล็ก 100-150 ล้านตันในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4% วันศุกร์ ฉุดโดยความไม่แน่นอนว่า OPEC จะบรรลุข้อตกลงลดกำลังผลิตหรือไม่ หลังซาอุฯ กล่าวว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมในวันจันทร์กับกลุ่มนอก OPEC เพื่อเจรจาเรื่องลดกำลังผลิต น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าปิด 47.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.76 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 3.59% น้ำมันดิบสหรัฐปิดลง 1.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 46.06 ดอลลาร์สหรัฐหรือลดลง 3.96 ดอลลาร์ รมว.พลังงานซาอุฯ กล่าววันอาทิตย์ว่าเขาเชื่อว่าตลาดน้ำมันจะเข้าสู่สมดุลเองในปี 60 แม้ผู้ผลิตจะไม่เข้าแทรกแซง การผลิต ณ ระดับปัจจุบันจึงสมเหตุสมผลแล้ว (Reuters)
ราคาทองคำคงที่หลังจากร่วงสู่จุดต่ำสุดในรอบเก้าเดือนครึ่งวันศุกร์ มุ่งสู่การลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันเพราะนักลงทุนขายจากปัจจัยการคาดการณ์ว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.03% ปิดที่ 1,182.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากร่วงไปถึง 1,171.21 ดอลลาร์สหรัฐต่ำสุดนับแต่ 8 ก.พ. เพราะกองทุนทำกำไรสถานะชอร์ต ทองคำร่วงกว่า 7% สำหรับ พ.ย. ทำให้เป็นเดือนที่ลดลงมากที่สุดตั้งแต่ มิ.ย. 56 (Reuters)
สังกะสีพุ่งสูงสุดในรอบกว่าแปดปีครึ่งในวันศุกร์ เพราะกองทุนยังคงซื้อต่อแต่นักวิเคราะห์เตือนว่าราคาทะลุพื้นฐานอุปสงค์อุปทานแล้ว ราคาสังกะสีอ้างอิงตลาด LME ปิด 2,819 ดอลลาร์ต่อตัน บวก 3.5% และเป็นจุดสูงสุดนับแต่ปี 51 โดยรายสัปดาห์บวก 11% มากสุดรายสัปดาห์นับแต่ ก.พ. 53
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094