- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 November 2016 17:29
- Hits: 2119
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ทรงตัว / ลงกรอบจำกัด ยังเน้นหุ้นอิงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
KGI คาด SET วันศุกร์ไซด์เวย์ / ลบเล็กน้อย ฟันด์โฟลว์ยังไหลออก กดดันหุ้นตัวหลัก (วานนี้ดัชนีฯ ปรับฐาน ตามคาด) เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า แต่ตลาดบอนด์เปิดเทรดปกติ และบอนด์ยิลด์ 10 ปีขึ้นแตะ 2.40% (สูงสุดรอบ 16 เดือน) และน่าจะยังกระตุ้นให้ฟันด์โฟลว์ออกจากตลาดหุ้นเอเชียในช่วงสั้น ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัว รอผลประชุมนัดสำคัญของกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ด้านปัจจัยภายใน แรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศชะลอตามคาด หลังยอดซื้อสุทธิสะสมเดือนนี้ขึ้นมาที่ 8.3 พันล้านบาท เข้าใกล้ค่าเฉลี่ย 10 ปีของยอดซื้อสุทธิในเดือน พ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 9.0 พันล้านบาท ในระยะสั้นเราจึงยังเน้นธีมลงทุนเฉพาะตัว (bottom-up) เช่น i) นโยบายกระตุ้นการบริโภคช่วงปลายปี ช้อปช่วยชาติ ฯลฯ และ ii) นโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (ดูรายละเอียด – หุ้นเด่น ในส่วนถัดไป)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
ซื้อ COM7*, THAI* / เก็งกำไร TRC
COM7* (เป้าสูงสุด Consensus 15 บาท) 1) วานนี้ราคาหุ้นปรับลง 4.4% หลังผู้บริหารและผู้ถือหุ้น (คนที่ขายออกมาไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง และ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นอันดับ 1) ขายบิ๊กล๊อตให้กับนักลงทุนสถาบันรวม 60 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 12.75 บาท เราประเมินเป็นโอกาส “ซื้อ” โดย i) ราคาหุ้นที่ปรับลงไม่ได้เป็นผลจากปัจจัยพื้นฐาน ii) การขายบิ๊กล๊อตให้นักลงทุนสถาบัน แสดงให้เห็นถึงดีมานด์ในหุ้น iii) เชิง Technical กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว (30 – 60 วัน) ยังแสดงภาพขาขึ้น (Strong uptrend) เราประเมินแนวรับ 13 บาท แนวต้านแรก 13.2 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบจุดสูงเดิมที่ 13.7 บาท และถัดไปที่ 14.5 บาท 2) Catalyst บวกคือ ภาครัฐฯมีโอกาสใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี – ต้นปีหน้า (เบื้องต้นเราคาดจะใช้มาตรการคล้ายกับปี 2558 คือสามารถนำบิลซื้อสินค้า-บริการมาลดหย่อนภาษี) ซึ่งในกรณีนี้ กลุ่มลูกค้าของ COM7 จัดเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง – บน ที่มีฐานภาษี 3) คาดกำไร 4Q59 จะทำนิวไฮมากกว่าที่ Consensus คาด ด้วยแรงหนุน i) iPhone7 ii) การเป็นพันธมิตรกับ TRUE* (ขายเครื่องพ่วงซิม+บริหาร True shop) iii) การเข้าซื้อหุ้นบานาน่าชัวร์ 100% ทำให้ได้ประโยชน์จากมือถือรุ่นใหม่ยี่ห้ออื่นนอกจาก Apple (เช่น หัวเว่ย) และเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองกับคู่ค้า iv) การกระตุ้นยอดใช้จ่ายด้วยมาตรการภาครัฐฯ
THAI* (เป้าสูงสุด Consensus 34 บาท) 1) ราคาหุ้นอ่อนตัวลงจากความกังวลเรื่องต้นทุนน้ำมันที่ปรับขึ้น (WTI รีบาวด์ขึ้น 5% WTD ราคาหุ้น THAI ปรับลง 4.6% WTD) ล่าสุดเราประเมินราคาน้ำมันมีโอกาสจะเริ่มพักฐานอีกครั้ง (บางประเทศ อาจไม่ให้ความร่วมมือกับกลุ่ม OPEC ในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันจาก Shale oil เริ่มพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิต) ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนใน THAI* ...
อย่างไรก็ดีในกรณีที่เราประเมินผิด สำหรับนักเก็งกำไรสั้น แนะนำ stop loss ก่อน 2) มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่างๆของภาครัฐฯ (ลดค่าธรรมเนียมวีซ่า รวมถึง “จีน” + ขยายระยะเวลาวีซ่าให้นักท่องเที่ยวบางประเทศ) ลดความกังวลเรื่องผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฏหมาย และล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวเตรียมเสนอ ครม ให้ยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะยาว โดยเฉพาะ “จีน” และมีโอกาสที่จะใช้มาตรการกระตุ้นการช้อปปิ้งเครื่องสำอางและน้ำหอมช่วง ก.พ.-มี.ค.60 เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว (ช่วงตรุษจีน) 3) ค่าเงินบาทอ่อนเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นบวกต่อการท่องเที่ยวจากต่างชาติ 4) ประเมิน Valuation ถูกเมื่อเทียบกับหุ้นสายการบินในภูมิภาคด้วย PE 8.06 เท่า PBV 1.58 เท่า (ค่าเฉลี่ยภูมิภาค PE 16.75 เท่า PBV 1.88 เท่า) … ข้อมูล Bloomberg 5) ประเมินแนวรับ 24 บาท และ 23.8 บาท แนวต้านแรก 25 บาท และถัดไปที่ 26.25 บาท (Stop loss 22.7 บาท)
TRC (เป้าสูงสุด Consensus 1.6 บาท) 1) ประเมินแกว่งตัวในกรอบแคบ แนวรับ 1.50 – 1.56 บาท รอสัญญาณการ Breakout กรณีที่ทะลุผ่านแนวต้าน 1.56 บาทได้ ประเมินปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1.60 – 1.65 บาท แต่ในกรณีที่หลุดแนวรับ 1.5 บาท แนะนำ “รอเก็งกำไรที่แนวรับถัดไป” 1.45 บาท 2) Catalyst บวกที่รออยู่คือการปลดล๊อกการลงทุนเหมืองแร่โปแตซ (APOT) ที่ผ่านมติ ครม และประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว รอเพียงการเพิ่มทุนโดยกระทรวงการคลัง (หรืออาจเป็นรัฐวิสาหกิจ) ตามมติ ครม (หลังจากนั้นธนาคารพาณิชย์ 3 – 4 แห่งก็จะเริ่มการปล่อยเงินกู้สำหรับการลงทุนก่อสร้างเหมืองฯ) ซึ่งจะทำให้ Backlog ของ TRC เพิ่มขึ้นทันทีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท (มูลค่าลงทุนก่อสร้างรวม 3 หมื่นล้านบาท) ... คาดกระทรวงการคลัง หรือ รัฐวิสาหกิจ จะใส่เงินเพิ่มทุนภายในปลายปีนี้ อย่างช้าต้นปีหน้า
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (CK*, SEAFCO) และผู้ประกอบการ (BEM*) เรายังคงประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างไทยจะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นอีกครั้งในปี 2560 – 61 จากการประมูลโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่จำนวนมากปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มการตอกเสาเข็มก่อสร้างได้ในกลางปี 2560 เป็นต้นไป แนะนำ “ซื้อสะสม” CK* และ SEAFCO
1) CK* (เป้าพื้นฐาน 39.5 บาท) ฝ่ายวิจัยฯเลือก CK เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ และเราประเมินเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำจากการที่มี บ.ลูกที่มีรายได้สม่ำเสมออย่าง BEM*, TTW*, และ CKP* ประเมินแนวรับ 30 บาท แนวต้านแรก 31.75 บาท
2) SEAFCO (เป้า Consensus 13.5 บาท) เราประเมิน SEAFCO ที่เป็นผู้รับเหมางานเสาเข็มและฐานรากรายใหญ่ของไทย มีความเสี่ยงต่ำกว่าผู้รับเหมาหลัก ไม่ว่าผู้ชนะการประมูล จะเป็นผู้รับเหมาหลักรายใด ด้วยปริมาณงานจำนวนมาก คาดว่าจะต้องแบ่งงานเสาเข็มกันระหว่าง SEAFCO และ PYLON ขณะที่ SEAFCO มี PE ปี 2560 ที่ต่ำกว่า (SEAFCO 13.2 เท่า / PTLON 17 เท่า) ประเมินแนวรับ 10.2 บาท แนวต้านแรก 10.8 บาท และแนวต้านถัดไป 11.5 บาท
3) BEM* (เป้าพื้นฐาน 7.48 บาท) สัปดาห์หน้าเปิดซองข้อเสนอผลตอบแทน – การลงทุน รถไฟฟ้าสีชมพู – เหลือง (นสพ ข่าวหุ้น) คาดเป็น Sentiment บวกต่อผู้ประกอบการที่ร่วมยื่นประมูลอย่าง BEM* แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 7.35 บาท แนวต้านแรก 7.50 บาท หากทะลุผ่านแนวต้านแรกได้ ประเมินเป็นการ Breakout เทรนด์ขาลงขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 7.9 – 8.0 บาท
หุ้นเข้า MSCI (มีผล 30 พ.ย.)
1) MSCI global standard: BJC*, KCE*
2) MSCI global small cap: COM7*, TFG, MALEE, TKN
หุ้นมีข่าว
(+) คลังชงครม.'ของขวัญปี ใหม่'เตรียมฟื้น 'ช้อปช่วยชาติ'-ยืดลดภาษีเที่ยวไทยอีก 1 ปี (กรุงเทพธุรกิจ) เอกชนหนุนช้อปช่วยชาติ เกิน 7 วัน หวังกระตุ้น ใช้จ่ายโค้งสุดท้ายของปี คลังเสนอแพ็คเกจของขวัญ ปีใหม่เข้า ครม.เร็วๆ นี้ เตรียมนำมาตรการช้อปช่วยชาติกลับมาใช้ใหม่ ขยายเวลานานขึ้น 15-30 วัน พร้อมต่ออายุภาษีเที่ยวไทยอีก 1 ปี หวังกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศช่วงสิ้นปี แรงหนุนดันจีพีดีไตรมาส 4
(+) BTS*-BEM* ลุ้นสัปดาห์หน้าเปิดซอง “ชมพู-เหลือง” (ข่าวหุ้น) “BTS-BEM” ลุ้นรฟม.เปิดซองที่สอง “ข้อเสนอผลตอบแทน-การลงทุน” รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองในสัปดาห์หน้า “ผู้ว่ารฟม.” ย้ำต้นเดือน ธ.ค.นี้ รู้ผลแพ้ชนะ พร้อมลุยเปิดซองงานโยธาสายสีส้มคาดได้ลงนามเดือน พ.ค.60
(+) HMPRO* แตกไลน์“โฮมโปร ลีฟวิ่ง”วางเป้ายอดขาย 20 ล้านต่อเดือน (ข่าวหุ้น) “HMPRO” ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ “โฮมโปร ลีฟวิ่ง” ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ชิมลางประเดิมแห่งแรก “เดอะ พาสิโอ ลาดกระบัง” ก่อนเปิดเต็มรูปแบบที่ “เทอร์มินัล 21 โคราช” ธ.ค.นี้ วางเป้ายอดขาย 15-20 ล้าน/เดือน
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ITEL (เป้าสูงสุด Consensus 15 บาท) จะเริ่มเกิดสัญญาณซื้อต่อเนื่อง เมื่อทะลุแนวต้านแรกที่ 11.2 บาท ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 11.7 บาท และหากทะลุผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 12.7 บาท แนวรับ 10.9 บาท ... เราประเมินแผนแม่บทของกระทรวงดีอี ที่มุ่งเน้นการเพิ่มการเข้าถึงอินเตอร์เนตของคนไทย รวมถึงโครงการอินเตอร์เนตหมู่บ้านจะเป็นตัวกระตุ้นอัตราการเช่าโครงข่าย Fiber optic ของ ITEL ซึ่งปัจจุบันยังต่ำเพียง ±20% แต่สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท + อัตรากำไรสูงถึง 28 – 30%
TFG (เป้า Consensus 5.8 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 6.4 บาท) ... เข้า MSCI global small cap (มีผล 30 พ.ย.นี้)
TCMC (เป้าพื้นฐาน 6.6 บาท) ราคาหุ้นรีบาวด์ตามคาดมีโอกาสปิดแก๊บราคาที่ 4.52 – 4.70 บาท ... ประเมิน Earnings Momentum เป็นขาขึ้นตั้งแต่ 4Q59 หลังการรวมงบ DMM ในเดือน ธ.ค.
TMT (เป้าพื้นฐาน 16 บาท) เป็นหุ้นปันผลสูง คาดปันผลปีนี้ 1.6 บาท/หุ้น (Dividend yield 10.7%)
SQ (เป้าพื้นฐาน 4.9 บาท) แนะนำ “ซื้อ” ประเมินแนวต้าน 4.42 บาท และถัดไปที่ 4.70 บาท แนวรับ 4.12 บาท (Stop loss 3.94 บาท) ... Earnings momentum จะดีขึ้นแบบ QoQ ตั้งแต่ 4Q59 – 1Q60 พ้นช่วง Low season ใน 3Q59 และการประมูลงานเหมืองแม่เมาะเฟส 9 มูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาทกลางปีหน้า
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BANPU* แนะนำ “ซื้อ” (Re-initiate coverage) เป้าพื้นฐาน 22.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ราคาถ่านหินมีแนวโมทรงตัวสูงต่อเนื่องในระยะยาว จากนโยบายการลดกำลังการผลิตถ่านหินในจีน อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯประเมินราคาถ่านหิน (และราคาหุ้น BANPU) ที่ปรับขึ้นแรงในช่วงนี้ อาจมีความผันผวนสูง จึงมองเป็นโอกาส “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว”
MAKRO แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 42 บาท ข้อมูลโดยรวมจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้อยู่ในเชิงบวกเล็กน้อย แนวโน้มที่แข็งแกร่งของธุรกิจ HORECA จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่หนุนให้กำไรฟื้นตัวได้ 11.7% YoY ในปี 2560 ด้วยกำไรที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2560 บวกกับ upside จากการขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ”
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1489 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1489 จุดนั้น อาจสะสมแรงเพื่อผลักราคขึ้นต่อเนื่องในสัป ดาห์หน้า แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1489 จุดนั้น อาจสะสมแรงกดทางลงต่อเนื่อง
แนวรับวันนี้: 1489/1475 แนวต้านวันนี้: 1496/1501
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]