- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 November 2016 17:55
- Hits: 3413
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'บวกแรง'
ดัชนี ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังเดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน จากแรงหนุนของหุ้น 3 กลุ่มสำคัญได้แก่กลุ่มพลังงาน (+0.9%) ที่ได้รับข่าวดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น กลุ่มธนาคาร (+0.8%) ที่ได้รับปัจจัยบวกหากทางธนาคารกลางสหรัฐฯปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (+1.3%) คาดว่าจากประเด็นที่ภาครัฐอาจเลื่อนใช้ภาษีที่ดินไปเป็นปี 61 แทน ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.68 จุด (+0.7%) มาอยู่ที่ 1,496.36 จุด ด้วยปริมาณซื้อขาย 50,686.61 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทย เดือน ต.ค. อยู่ที่ 86.5 จุด สูงสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากมียอดสั่งซื้อสูงจากการเข้าสู่ช่วงสิ้นปี
(+) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือน ต.ค. เติบโต 4.8%MoM โดยดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะโตเพียง 1.5%MoM
(+) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน พ.ย. สูงถึง 93.8 จุด โดยมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 91.6 จุด คาดเป็นผลบวกจากผลการเลื่อกตั้งปธน.
(+) ราคายาง TOCOM ยังคงบวกต่ออีก 1.8%Day มาอยู่ที่ 228.50 Yen/Kg. สร้างแรงบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มยางทั้ง STA, NDR
(+) กรมธนารักษ์ได้ลงนามสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเพื่อพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจ.ตราด กับ PF ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิในการ พัฒนาพื้นที่
(-) รายงานการประชุม FOMC มีการส่งสัญญาณว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นอีก (Dollar Index วานนี้ปิดที่101.71 โดย+0.8%Day)
(-) ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐเดือน ต.ค. อยู่ที่ 5.63 แสนยูนิต ต่ำกว่าที่คาด 5%
(-) นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยวานนี้ออกไปอีก 692 ลบ. หากแต่วานนี้มีการซื้อสุทธิในสัญญา TFEX สูงถึง 1.3 หมื่นสัญญา
(+/-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงผันผวน ล่าสุดวานนี้ WTI ลดลง 0.2%Day มาปิดที่ 47.96 US/Barrel แม้ว่า EIA จะรายงาน Stock น้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ลดลง 1.26 ล้านบาร์เรล โดยนักลงทุนยังคงรอผลการประชุม OPEC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.
(+/-) ราคาถ่านหิน Newcastle -0.6%Day หากแต่ยังยืนเหนือ 90 US/Tons
(+/-) คลังจะเปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นคำขอประกอบธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ในวันที่ 1 ธ.ค. 59
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, KKP, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP)
การลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลี ในวันที่ 4 ธ.ค.
ประชุม FED รอบธ.ค. (13-14 ธ.ค.) ตลาดคาดรอบนี้จะขึ้นดอกเบี้ย
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมันเดือน ธ.ค. (24 พ.ย.), อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ต.ค. (25 พ.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน “กลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินอ่อนค่า”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ ยังคงมองราคาน้ำมันดิบที่เริ่มอ่อนตัวลงจะกลับมารบกวน Sentiment การลงทุน ให้มีแรงขายทำกำไรก่อนการประชุม OPEC ยังคงแนะนำกลุ่ม Domestic Play และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เช่น กลุ่มส่งออกอาหาร และ ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้เรายังคงมองลบต่อแนวโน้มของ SET ในระยะกลาง เราคาดว่าตลาดจะยังไม่เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นยาว จากปัจจัยหลักคือเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง ยังคงเก็งกำไรสั้น
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
DELTA เก็งกำไร
เก็งกำไรประเด็นได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
มีแผนขยายเข้าในการให้บริการ System integration ในประเทศอินเดีย
ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ PER 17 เท่า และ PBV 3.2 เท่า
TCAP เก็งกำไร
คาดแนวโน้มการดำเนินงานในปี 60 ดีกว่าปี 59 จากแนวโน้มการตั้งสำรองที่ลดลง,ธุรกิจลีสซิ่งยานยนต์และอสังหาเริ่มฟื้นตัว
คาดกำไร 4Q59 ยังเติบโตต่อดี จากที่ไม่มีการตั้งสำรองหนี้พิเศษเพิ่มเติม และ Credit Cost ที่คาดว่าจะลดลง QoQ
ทีมวิเคราะห์