- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 November 2016 16:49
- Hits: 4336
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Sideways up
วันนี้คาด แกว่งขึ้น กรอบ 1,480-1,495 จุด คาด (1) กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน โรงพยาบาล ขึ้นหนุนดัชนีฯ ขานรับข่าวบวก มติ ครม.เมื่อวาน งดค่าวีซ่าจีน กับอีกหลายประเทศชั่วคราว และเพิ่มระยะเวลา Long stay วีซ่าสำหรับ Medical wellness (2) กลุ่มสินเชื่อบุคคล (นาโนไฟแนนซ์- เงินอุดหนุนนี้ จะช่วยปลดล็อกหนี้ผู้มีรายได้น้อยลดความเสี่ยง NPL), ค้าปลีก (เมื่อวาน MTLS SAWAD GLOBAL HMPRO ROBINS บวกรับข่าวนี้ทันที) รับกระแสมาตรการเงินอุดหนุน 1.5-3 พันบาท ให้ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียน และ อนุมัติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมีผลต้นปีหน้า
สัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องอีกโดยขาย 5 วันติดมูลค่ากว่า 10,470 ล้านบาท เราคาดว่าหลังจากผ่านวัน Thanksgiving day ในสัปดาห์นี้ไป แรงขายต่างชาติน่าจะเริ่มชะลอลงตามปัจจัยฤดูกาล และมีโอกาสที่หุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัว เพราะเราเชื่อมั่นใน พื้นฐานกำไร บจ.ไทย ที่มีแนวโน้มโตได้ดีต่อเนื่องใน 4Q16 ขณะที่ GDP 3Q16 ที่ประกาศไปเมื่อวันจันทร์ +3.2% (9 เดือน ขยายตัว 3.3% y-y Vs. มอร์แกนสแตนลีย์คาดปีนี้ที่ 3.2%) เชื่อหนุนโมเมนตั้มตลาดหุ้นไทยให้ค่อยๆฟื้นตัวได้
ระยะเดือน (พ.ย.) ลงผิดคาด หลุด 1,480 จุด ทำให้แนวโน้มรายเดือน คาดลง-ปิด Gap แถวๆ 1,450 +/- 10 จุด (1,455/1,450/1,440 จุด) ก่อนจึงจะค่อยฟื้นตัว โดยคงแนวต้านเดิม 1,530 จุด แนะนำ ซื้อถัวตามแนวรับ/เลือกซื้อรายตัว พัฒนาการของการฟื้นตัว...จะขึ้นอยู่กับ ท่าทีและคำสัมภาษณ์ของ ว่าที่ ปธน.สหรัฐฯ (ท่าทีล่าสุด ยืนยันไม่เข้าร่วม TPP เรามองเป็นบวกต่อไทย) จะ พลิก Sentiment ตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ และต้องตาม ถ้อยแถลงของ ประธานเฟด ระหว่างนี้ไปถึงช่วงปลายเดือน พย. เพราะจะมีสัญญาณต่อทิศทาง ดอกเบี้ยในเดือน ธค. (ซึ่งเมื่อวาน FOMC Minute ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย แต่หุ้น-ทอง ขึ้น สวนทาง)
ส่วนปัจจัยในประเทศ ผลการดำเนินงาน บจ.ส่วนใหญ่ที่ทยอยประกาศเรามองว่า มี Flows ของการปรับเพิ่มกำไร-ราคาป้าหมาย ในกลุ่มฯ เช่น โรงกลั่น-ปิโตรฯ, โรงพยาบาล, ค้าปลีก, เกษตร-อาหาร, สินเชื่อบุคคล และ...รอบนี้เราพบว่า ตลาดวนเล่นหุ้น โรงกลั่น โรงพยาบาล Retail Finance อาหาร ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มน้อยที่มีการปรับกำไรขึ้นรอบนี้ และส่วนใหญ่ที่เล่นจะเป็น หุ้น Local play (เลี่ยงหุ้นฝรั่ง) ตลอดจน หุ้นที่มีประเด็นหนุน เช่น MSCI addition เป็นต้น
หุ้นแนะนำวันนี้ กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS BH) และหุ้นภาคบริการอื่นที่เชื่อมโยง โรงแรม สายการบิน สปา (THAI SPA MINT) รับอานิสงส์จากมาตรการรัฐฯอนุมัต Long Visa สำหรับต่างชาติ และลดค่าวีซ่าให้นักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว (Medical and Wellness Tourisms) / หุ้นเด่นเทคนิค DEMCO แนวรับ 7.65 บ. ต้าน 8.2/8.5 บ. CHG แนวรับ 2.76 บ. ต้าน 2.88 บ. MEGA แนวรับ 22.7 บ. ต้าน 24 บ. MTLS แนวรับ 23 บ. ต้าน 24 บ.
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) TRC ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เรามองว่าประเด็นการลงทุนในหุ้น TRC จะอยู่ที่ความชัดเจนของโครงการโปแตช โดยคาดว่าถ้าบริษัทสามารถพัฒนาโครงการได้ โอกาสที่จะเห็นอัพไซด์ต่อราคาหุ้นไปที่ระดับ 2 บาท มีความเป็นไปได้สูง ที่ผ่านมาความล่าช้าของการเกิดโครงการนี้ กดดันให้ราคาหุ้นปรับตัวลงไปเกือบ 50% แต่ล่าสุดโครงการนี้ ได้มีความคืบหน้า ตามที่ผู้บริหารเคยให้แนวทางไว้ เมื่อเราเห็นพัฒนาการงานก่อสร้าง บวกกับ ICBC Bank เพิ่งลงนามปล่อยสินเชื่อให้โครงการนี้ โดยมี รองนายกสมคิด ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อกลางเดือน ตค.ที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่ต้องติดตามคือการใส่เงินเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลัง ใน APOT และเงินกู้จากสถาบันการเงินฯ ซึ่งจะส่งผลให้ TRC สามารถเข้าทำสัญญาก่อสร้าง Processing Plant มูลค่าราว 33,000 ล้านบาท ได้ทันที และจะหนุนให้กำไรปีหน้าเติบโตเท่าตัวเป็น 400-500 ล้านบาท
(-) TVO ตัวเลขอุปทานสำหรับถั่วเหลืองที่ออกมาในเดือน พ.ย. ยังคงเยอะอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตถั่วเหลืองต่อพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุด ผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นกลบผลกระทบของยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้สต๊อกปลายงวดของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอีก สำหรับความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์ลานีญ่าอาจจะส่งผลกระทบระยะสั้นโดยโอกาสการเกิดราว 55% ไปจนถึง ก.พ. แต่หลังจากนั้นจะลดลงไปเหลือราว 10-30% บ่งชี้ว่าผลผลิตถั่วเหลืองน่าจะยังออกมาต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับผลผลิตในบราซิลที่เรามองว่าผลผลิตจะออกมาเยอะ แต่มีความเป็นไปได้ที่ผลผลิตอาเจนติน่าจะน้อยลงจากผลกระทบของลานีญ่า เราคิดว่ากรอบราคาถั่วเหลืองปีหน้านะอยู่ราว US$9-10 ทรงๆ มองว่ากำไรของ TVO จะปรับตัวลดลงจากปีนี้แน่นอน (ปีนี้ฐานสูง) เรายังคงแนะนำ ถือ รับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 2017 ราว 5.6%
(-) กลุ่มเรือ ดัชนี BDI เฉลี่ยใน 4Q16 (ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบัน) +45% YoY และ 26% QoQ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกขนาดเรือ แต่หลักๆที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเยอะมาจาก Capesize (ใหญ่สุด) จากปัจจัยด้านฤดูกาลทั้งการซื้อขายของทวีปอเมริกาเหนือ, การสั่งซื้อวัตถุดิบจากจีนและอุปสงค์ฤดูหนาวของถ่านหิน อย่างไรก็ตามเรามองว่าฤดูกาลที่แข็งแกร่งกำลังจะจบ พิจารณาสินค้าคงคลังที่ประเทศจีนทั้งเหล็กและถ่าน กำลังทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี เพราะฉะนั้นการนำเข้าเพิ่มเติมในระยะสั้นคงไม่เห็น ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1 ที่ปกติจะเป็นช่วง Low season การนำเข้าจะชะลอตัวลง และมีวันหยุดยาวช่วงตรุษจีน เราคาดจะเห็นดัชนี BDI หักหัวลง อีกทั้งนับแต่เราปรับเพิ่มคำแนะนำกลุ่มเรือทั้ง PSL และ TTA ราคาหุ้นก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาพอสมควร และคาดราคารับรู้ปัจจัย High season ไปแล้ว เราจึงมีการปรับลดคำแนะนำ TTA และ PSL ลงจาก ซื้อเก็งกำไร เป็น ถือ
หุ้นมีข่าว / ประเด็น
(+) BDMS BH CHG THAI SPA โรงแรม การท่าอากาศยาน: ที่ประชุม ครม.อนุมัติ (1) มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า ณ สถานทูต สถานกงสุลไทย จากเดิม 1 พันบาท และปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราว ให้แก่นักท่องเที่ยว จำนวน 19 ประเทศ ได้แก่ อัลเดอร่า บัลแกเรีย ภูฏาน จีน ไซปรัส เอธิโอเปีย อินเดีย คาซัคสถาน ลัตเวีย ลิโธเนีย มัลดีฟส์ มอลต้า เมอริเชียส โรมาเนีย ซานมาริโน ซาอุดิอาระเบีย ไต้หวัน ยูเครน อุซเบกิสสถาน จากเดิม 2 พันบาทเหลือ 1 พันบาทต่อคน โดยทั้ง 2 มาตรการเริ่ม 1 ธ.ค.59 - 28 ก.พ.60 ระยะเวลารวม 3 เดือน
(2) อนุมัติการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว หรือ Longstay Visa ตามมาตรการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Medical and Wellness Tourism ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่จะยื่นขอวีซ่าประเภทอยู่ชั่วคราว จากสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่าประเทศที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภทอื่น และเมื่อพำนักอยู่ในประเทศไทยระยะหนึ่งและมีความประสงค์จะขอเปลี่ยนประเภทการขอรับการตรวจลงตราเป็นแบบพำนักระยะยาว จากเดิมที่อนุญาตให้พำนักในประเทศไทยครั้งละไม่เกิน 1 ปี เป็น 10 ปี โดยครั้งที่ 1 ไม่เกิน 5 ปี ในลักษณะของ Multiple Entry และจะสามารถต่ออายุครั้งที่ 2 ได้อีก 5 ปี ในลักษณะ Multiple Entry เช่นกัน (ที่มา ASPEN)
(-/0) เมื่อวาน ครม.ยังไม่อนุมัติโครงการ อินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน และ มาตรการ ช็อปช่วยชาติ ภาค 2 (แต่ยังคงแนะสะสมเมื่ออ่อนตัว หุ้นที่เชื่อมโยง ต่อ)
(+/-) หุ้นเข้า-ออก MSCI Standard index มีผล 1 ธค. นี้: BJC KCE ส่วนหุ้นเข้า MSCI Small Cap index (+) addition…COM7 MALEE TKN TFG / (-) deletion…ASP BJCHI CBG COL CGD DNA KCE ROJNA (ที่มา MSCI)
(+) DEMCO กำหนดเวลาประกาศชื่อ ผู้รับเหมางานโรงไฟฟ้าพลังงานลม ชัยภูมิ 250MW ของ EA น่าจะประกาศก่อนสิ้นเดือนนี้ เราคาดว่า DEMCO เป็น shortlist candidate รอย่อซื้อ (ที่มา BLS Research)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) พุธ US Durable goods orders ตค. คาด +1.1% จาก -0.3% m-m. US new home sales ตค. คาด 590k จาก 593k, รายงานการประชุม เฟด FOMC Minutes, Euro area PMI mnfg พย.คาด 53.2 จาก 53.5 Euro PMI composite คาด 53.2 จาก 53.3 เยอรมนี PMI composite พย. ธนาคารกลางมาเลเซีย คาด คงดอกเบี้ย 3% ไต้หวัน Industrial production คาด +4.9% จาก +5% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(0/-) พฤหัส ตลาดหุ้นสหรัฐฯหยุดเนื่องในวัน Thanksgiving day, เยอรมนี GDP 3Q 2nd คาด +0.2% เยอรมนี Ifo, ญี่ปุ่น PMI mnfg. สิงคโปร์ GDP 3Q16 คาด +1% จาก +0.6% (ที่มา Bloomberg)
(0) วันศุกร์ อังกฤษ GDP 3Q16 2nd คาด +0.5% ญี่ปุ่น Core CPI คาด -0.3% จาก -0.5% มาเลเซีย CPI คาด +1.4% จาก 1.5% ไต้หวัน GDP 3Q16 คาด +2.1% สิงคโปร์ Industrial production คาด +0.5% จาก +6.7% y-y. (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค