WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CSG copyบล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ขึ้นต่อเนื่องตามตลาดภูมิภาค'
  ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังได้รับผลดีจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และได้รับผลดีจากค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย บวกกับกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ดีจากการคาดกันว่าวันที่ 30 พ.ย. จะสามารถบรรลุข้อตกลงในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันได้ โดย sector ที่บวกหนุนตลาด ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.1%), กลุ่มค้าปลีก (+0.6%) ซึ่งได้รับผลดีจาก ครม. อนุมัติการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนกลุ่มที่กดดันดัชนีได้แก่กลุ่มสื่อสาร ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.38 จุด มาอยู่ที่ 1,485.68 จุด ด้วยปริมาณซื้อขาย 45,645.65 ล้านบาท

ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
  (+) ราคาสินค้า Commodity ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและยังคงน่าสนใจเก็งกำไรต่อในวันนี้ ได้แก่ ยางพารา หลังราคายาง TOCOM ปิดบวกอีก 4.5%Day (บวกต่อ STA, NDR) รวมทั้งราคาถ่านหิน Newcastle ที่บวกต่อเป็นวันที่ 2 อีก 6%Day มาอยู่ที่ 92.9 US/Tons (บวกต่อ BANPU, LANNA)
  (+) DJIA ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 19,000 จุดหลังตลาดเชื่อมั่นนโยบาย Trump (ลดภาษี+ลงทุนโครงสร้างพื่นฐาน) จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัว
  (+) ยอดขายบ้านมือ 2 ของสหรัฐในเดือน ต.ค. 59 เพิ่มขึ้นเป็น 5.6 ล้านยูนิต (+2%MoM) ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.43 ล้านยูนิต (-0.5%MoM)
  (+) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน ในเดือน พ.ย. ติดลบไป 6.1 จุด แต่ยังดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะติดลบ 7.8 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ -8 จุด
  (+) ครม. ปรับลดค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 19 ประเทศ จาก 2 พันบาท เหลือ 1 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน (1ธ.ค.59-28 ก.พ.60) คาดเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน เช่น AOT, THAI, AAV, BA
  (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI วานนี้ปิดลบไป 0.4%Day มาอยู่ที่ 48.03 US/Barrel หลังมีประเด็นข่าวทางอีรักและอิหร่านยังไม่สรุปว่าจะร่วมมือในการลดกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลงของที่ประชุม OPEC ในวันที่ 30 พ.ย.
   (+/-) วานนี้ที่ประชุม ครม.อนุมัติงบช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจำนวน 5.4 ล้านคน (แจกเงิน 1.5-3 พันบาท/คน) ภายใต้วงเงิน 1.275 หมื่นลบ. คาดเริ่มตั้งแต่ 1-30 ธ.ค. 59 และปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 69 จังหวัด ขึ้น 5-10 บาท/วัน มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 60 (เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก แต่เป็นลบต่อภาคอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ผลิต เช่น ยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, อาหาร)

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบใหม่ 1H60
  การประชุม OPEC ในช่วง 30 พ.ย. ณ.กรุงเวียนนา ออสเตรีย
  การลงประชามติเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลี ในวันที่ 4 ธ.ค.
  ประชุม FED รอบธ.ค. (13-14 ธ.ค.) ตลาดคาดรอบนี้จะขึ้นดอกเบี้ย
  ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี ได้แก่ PMI ภาคการผลิตของเยอรมัน (23 พ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ (23 พ.ย.), ประชุม FOMC (24 พ.ย.), อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ต.ค. (25 พ.ย.)

กลยุทธ์การลงทุน “สลับออกจาก Oil”
  ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ เรามองราคาน้ำมันดิบที่เริ่มอ่อนตัวลงหลังปรับตัวขึ้นแรงราว 5 วัน จะกดดัน ให้มีแรงขายล็อคกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน แนะนำขายล๊อคกำไรการเก็งกำไรประเด็น OPEC ที่แนะนำมาก่อนหน้าและสลับมาเก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play โดยเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เช่น กลุ่มพาณิชย์ สำหรับระยะกลางเรายังมองเป็นลบต่อเม็ดเงินของต่างชาติที่ไหลออกอย่างต่อเนื่อง

หุ้นเด่นประเด็นร้อน
CPALL เก็งกำไร
  ตลาดคาดรายงานผลประกอบการ 4Q59 เติบโตต่อเนื่อโดยได้อานิสงค์จากสาขาที่เพิ่มขึ้น และการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว
ตั้งเป้าขยายสาขาปีละ 650 สาขา
   อยู่ระหว่างออก Perpetual Nond จำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาทช่วยให้ระดับ D/E Ratio ลดลง
CBG เก็งกำไร
  ตลาดคาดกำไร 4Q59 ยังเติบโต YoY แม้ว่าจะได้รับผลจากค่าใช้จ่ายการตลาดในช่วงของการเจาะตลาดโลก
ทำการตลาด Sport Marketing ต่อเนื่องตั้งเป้าขยายตลาดในต่างประเทศ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด 10% ของตลาดโลกใน 10 ปี
อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าสู่ตลาดในประเทศใหม่ๆ เช่น โปแลนด์ อาเซอร์ไบจัน ฝรั่งเศส เยอรมัน

ทีมวิเคราะห์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!